รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 ส.ค. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 2,546 view

         เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
         ในช่วงเช้า นายราจิบ ราซัค (Najib Razak) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวเปิดการประชุมฯ โดยได้แสดงความชื่นชม วิสัยทัศน์ของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงนายถนัด คอมันตร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งอาเซียน และได้ร่วมลงนามปฏิญญากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๐ ซึ่งนับเป็นรากฐานและเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของอาเซียน เช่นเดียวกับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ นี้ จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อแสดง ความยินดีต่อการจัดการประชุม และหารือแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน  การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๒๖ และเตรียมการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหารือประเด็นต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ ได้แก่
         ๑) การสร้างประชาคมอาเซียน ไทยแสดงความยินดีกับความคืบหน้าในการดำเนินงานมาตรการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมอาเซียน และได้เน้นย้ำว่า การเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในสิ้นปีนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นของอาเซียน ไทยสนับสนุนการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนภายใต้หลักการ “One plus One” ซึ่งการลงทุนในประเทศหนึ่งจะเชื่อมต่อไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของอาเซียน และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างศูนย์วิจัยและพัฒนาในอาเซียน รวมถึงการส่งเสริมการเข้าถึงตลาดสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยไทยยังได้ชี้ถึงความสำคัญของการเผชิญหน้ากับความท้าทายในด้านต่าง ๆ อาทิ  ภัยพิบัติ โดยผ่านการดำเนินการของศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance – AHA Centre) และผสานความร่วมมือกับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN Centre for Military Medicine) ในไทย ด้านยาเสพติด ผ่านสำนักงานประสานความร่วมมือด้านยาเสพติด (ASEAN NARCO) ในประเทศไทย และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ซึ่งล่าสุดประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จในการจัดการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers Special Video Conference ในการรับมือกับโรค MERS-CoV ในภูมิภาคนี้
             สำหรับการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ ไทยเน้นย้ำหลักการ “อาเซียนไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (No one is left behind) และ “ทุกคนมีสิทธิมีเสียง” (Everyone has a voice) ซึ่งจะเสริมสร้างให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง      
          ๒) ความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค ที่ประชุมฯ มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงในภูมิภาคและความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยไทยผลักดันให้อาเซียนร่วมมือกันเพื่อยกระดับและบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และสนับสนุนให้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit – EAS) ยังคงเป็นกลไกที่มีบทบาทนำในอาเซียนและรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในโครงสร้างสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงในภูมิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้าและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในทะเลจีนใต้ และย้ำบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน – จีน โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the conducts of Parties in the South China Sea – DOC) การดำเนินมาตรการเร่งด่วน (early harvest measures) และจัดทำsecond list of commonalities ซึ่งเป็นประเด็นที่อาเซียนและจีนเห็นพ้องในการเตรียมการเพื่อเจรจาจัดทำ DOC
              นอกจากนี้ ไทยได้ขอบคุณประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และสนับสนุนให้อาเซียนเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศภายนอกภูมิภาคเพื่อส่งผู้โยกย้ายถิ่นฐานกลับประเทศหรือไปยังประเทศที่สาม
              ในช่วงเย็น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งในปีนี้ซึ่งครบรอบ ๔๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน และแสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือทวิภาคีให้แนบแน่นและใกล้ชิดต่อไป โดยฝ่ายจีนเชิญ   นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงาน China – ASEAN EXPO ครั้งที่ ๑๒ ที่นครหนานหนิง ระหว่างวันที่ ๑๘ – ๒๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งจีน ให้เกียรติไทยในฐานะประเทศเกียรติยศ (country of honour) และเชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนปักกิ่งเพื่อร่วมฉลอง ๔๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน และเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบแม่โขง- ลานช้างที่เมืองจิ่งหง ในเดือนตุลาคม ศกนี้ โดยฝ่ายไทยแจ้งว่าอาเซียนให้ความสำคัญกับการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้านและแสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์อาเซียน – จีน จะครบรอบ ๒๕ ปีในปี ๒๕๕๙ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน – จีน ได้ขอบคุณจีนที่สนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียนความเป็นแกนกลางของอาเซียนและการมีบทบาทนำของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาคมาโดยตลอด ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นทะเลจีนใต้อย่างรอบด้านเพื่อแสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่า อาเซียนและจีนสามารถจัดการกับปัญหาภายในภูมิภาคได้
              นอกจากนี้ จีนได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน – จีนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกรณีชาวอุยกูร์ ๑๐๙ คนที่จีนได้รับไปจากไทยโดยพิจารณาตามข้อมูลและหลักฐาน และจะได้เชิญให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเยือนจีนเพื่อติดตามการดูแลชาวอุยกูร์ของฝ่ายจีนอีกครั้งในอนาคต

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ