เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นในช่วงการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Summit) ครั้งที่ ๗ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ในการพบหารือ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย – ญี่ปุ่นว่าเป็นทั้งมิตรแท้และหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและภูมิภาค และได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของรัฐบาลญี่ปุ่นในการจัดการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศลุ่มน้ำโขงอันได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย การประชุมครั้งนี้ ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่สำคัญของภูมิภาค เพื่อให้การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของไทย ตลอดจนประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญนายคิชิดะเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นประธานร่วมในการประชุม “คณะกรรมการร่วมว่าด้วยความตกลงสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย – ญึ่ปุ่น” (JTEPA Joint Committee) ซึ่งทั้งสองประเทศมีวาระที่จะขับเคลื่อนประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ การค้าสินค้าเกษตร การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจระหว่างกัน การส่งเสริม SMEs และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ประเทศไทยมุ่งผลักดันให้ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากภาคการเกษตรของไทย ตลอดจนพัฒนาความร่วมมือด้านการฝึกอบรมบุคลากรในหลายสาขา อันเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ระหว่างกัน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือธุรกิจการบินของไทยที่ประสบปัญหาข้อบกพร่องตามการตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยนอกจากได้ต่อใบอนุญาตให้สายการบินของไทยแล้ว ฝ่ายญี่ปุ่นยังได้ตกลงที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมาให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคแก่กรมการบินพลเรือนด้วย

ในโอกาสนี้ นายคิชิดะ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อพัฒนาการภายในประเทศของไทย และยืนยันที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน อันจะนำไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันที่เกื้อหนุนกัน นอกจากนี้ นายคิชิดะ ได้ชื่นชมบทบาทของประเทศไทยในการแก้ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ และยืนยันความพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนการแก้ปัญหาดังกล่าว