วันที่นำเข้าข้อมูล 23 ก.ค. 2558
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
นายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และภริยาได้เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และในโอกาสเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามได้เป็นประธานร่วมในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – เวียดนาม (Joint Cabinet Retreat - JCR) ครั้งที่ ๓
บรรยากาศการเยือนและในระหว่างการหารือทวิภาคีเป็นไปอย่างอบอุ่นและสร้างสรรค์ โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้มีข้อสรุปร่วมกันในประเด็นสำคัญ ๆ อาทิ ผลักดันการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางและการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเลเพื่อส่งเสริมการค้า การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว เตรียมการเพื่อนำเข้าแรงงานเวียดนามภายใต้บันทึกข้อตกลงการจ้างแรงงานไทย – เวียดนาม ส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกผลไม้ระหว่างกัน สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อการลงทุนของภาคเอกชนไทยในเวียดนาม การเริ่มเจรจาสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นต้น ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะผลักดันให้ความร่วมมือต่าง ๆ เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็วเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนสองประเทศ
สำหรับการประชุม JCR ครั้งนี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่ไทยกับเวียดนามได้ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันเมื่อปี ๒๕๕๖ โดยมีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของกระทรวงที่เกี่ยวข้องของสองประเทศเข้าร่วม นอกจากนี้ ฝ่ายเวียดนามยังมีประธานคณะกรรมการประชาชน ๖ จังหวัด (บิ่งห์ดิ่งห์ กว่างจิ กว่างนิงห์ บาเหรี่ย - หวุงเต่า คอนตูม ลองอาน) มาร่วมหารือถึงแนวทางความร่วมมือในทุกมิติด้วย เพื่อวางพื้นฐานและเสริมสร้างความเข้มแข็งของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันต่อไปในทศวรรษที่ ๕ ของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยสองประเทศตกลงที่จะร่วมมือในประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้
ด้านการเมืองและความมั่นคง กำหนดให้จัดตั้งกลไกหารือระดับนโยบายระหว่างกระทรวงกลาโหม และเตรียมการจัดกิจกรรมร่วมเพื่อฉลองครบรอบ ๔๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – เวียดนาม
ด้านเศรษฐกิจ เพิ่มเป้าหมายมูลค่าการค้าเป็น ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐภายในปี ๒๕๖๓ ส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนาห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และจัดตั้งกลไกการหารืออย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและแก้ไขปัญหาทางธุรกิจในแต่ละประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือพัฒนามูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรและยกระดับราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งสนับสนุนส่งออกผลไม้ระหว่างกัน
ด้านการคมนาคมและความเชื่อมโยง ผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยให้เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินและเส้นทางการบินใหม่ระหว่างกัน
ด้านการศึกษา ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาและวัฒนธรรมระหว่างกัน และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการ
ด้านการประมง ส่งเสริมความร่วมมือแก้ไขปัญหาประมงอย่างยั่งยืน โดยเวียดนามรับจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายประมงของไทย โดยไทยเสนอให้มีความร่วมมือทางวิชาการในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมืออื่น ๆ เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การท่องเที่ยว การกีฬา ความร่วมมือระดับจังหวัด และความร่วมมือในภูมิภาค เป็นต้น ทั้งนี้ สองฝ่ายยืนยันที่จะสานต่อผลการเยือนและการประชุม JCR ครั้งที่ ๓ เพื่อเกิดผลเป็นรูปธรรมและประโยชน์ของประชาชนสองประเทศต่อไป
ในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทย – เวียดนาม ๕ ฉบับ ได้แก่ (๑) แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย – เวียดนาม ครั้งที่ ๓ (๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (๓) บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (๔) บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม และ (๕) บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาน
ในระหว่างการเยือนดังกล่าว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามและภริยาเข้าเฝ้าฯ โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กราบบังคมทูลความก้าวหน้าของความร่วมมือการเรียนการสอนภาษาไทยในเวียดนามและโครงการพระราชดำริที่โรงเรียนนิงห์หมี จังหวัดนิงห์บิ่งห์
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เข้าพบนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสภานิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามและความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนามในการสัมมนาการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม “Thailand – Vietnam Business Dialogue” ซึ่งจัดโดยสมาคมมิตรภาพไทย – เวียดนาม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยมีคณะผู้แทนภาคเอกชนไทยและเวียดนามเข้าร่วมกว่า ๗๐ บริษัท พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจด้วย ทั้งนี้ นายประจวบ ไชยสาส์น นายกสมาคมมิตรภาพไทย -เวียดนามได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนไทยสนใจไปลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนาม ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศร่วมกันของไทยและเวียดนาม
ขณะนี้ สถานะความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามอยู่ในระดับดีมาก มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำ และระดับรัฐมนตรีอย่างเป็นประจำ การเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีเวียดนามและการประชุม JCR ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยกระทรวงการต่างประเทศจะได้ขยายผลและประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผลการเยือนตามที่นายกรัฐมนตรีได้หารือกับฝ่ายเวียดนามเกิดผลอันเป็นรูปธรรมสูงสุดต่อไป
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **