เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในประเด็นต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

๑. เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทไทยเข้าเยี่ยมคารวะหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นายหรรษ วรรธน ศฤงคลา เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องในโอกาสที่เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือสถานการณ์การเมืองในไทยและความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย โดย ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. ได้อธิบายถึงความจำเป็นที่ คสช. ต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงจากการปะทะกันของกลุ่มทางการเมืองที่เห็นต่างกัน รวมทั้งแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น และอธิบายถึงแผนโรดแมป ๓ ขั้นตอนในการนำประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งปัจจุบันโรดแมปได้ดำเนินการอยู่ในขั้นที่ ๒ ในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและการจัดตั้งสภาปฏิรูปภายในเดือนกันยายน ก่อนที่จะมีการจัดการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม ปี ๒๕๕๘ ต่อไป

ทั้งนี้ ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. ได้กล่าวชื่นชนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับอินเดียในทุกระดับ ซึ่งขณะนี้การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่า ๘ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๒.๔ แสนล้านบาท) และมีแนวโน้มขยายตัวมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายเตรียมบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีไทย – อินเดีย และคาดว่าจะทราบผลในเร็ววันนี้ และทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความเชื่อมโยงอาเซียน – อินเดีย ผ่านถนน ๓ ฝ่ายของไทย – เมียนมาร์ – อินเดีย ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานด้านความเชื่อมโยงดังกล่าวในเร็ววันนี้

เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยได้กล่าว ว่า อินเดียรับทราบถึงสถานการณ์การเมืองไทยที่เกิดขึ้นรวมทั้งโรดแมปของ คสช. โดยอินเดียไม่ต้องการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศใด ๆรวมทั้งไทย และเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงกรณีที่พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เดินทางเยือนประเทศอินเดียเพื่อพบหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอินเดียเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้น และเห็นชอบที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารผ่านการซ้อมรบระหว่างไทยกับอินเดียมากยิ่งขึ้น

๒. กรณีเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH17 ตกที่ประเทศยูเครน ตามที่เกิดเหตุเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH 17 ตกที่ประเทศยูเครนนั้น ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. ได้มีสารแสดงความเสียใจถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รวมทั้งผู้นำของประเทศที่มีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้มีแถลงการณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าว และเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างอิสระและโปร่งใสอย่างเต็มที่

๓. การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน – สหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน – สหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๐ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะใช้โอกาสดังกล่าวสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย รวมทั้งพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนของไทยแก่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและการพบหารือทวิภาคีกับหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศสมาชิกยุโรปบางประเทศ