ปลัดกระทรวงการต่างประเทศหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฟิลิปปินส์ ณ กรุงมะนิลา

                   เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนายอัลเบิร์ต เอฟ. เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ณ กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

                   ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทยและการดำเนินการตาม Road map ๓ ขั้นตอนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แก่ การสร้างความปรองดองในประเทศ การปฎิรูปประเทศ และการเลือกตั้งภายในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งฝ่ายฟิลิปปินส์ได้กล่าวสนับสนุนพัฒนาการทางการเมืองของไทยที่กำลังกลับไปสู่ทิศทางของประชาธิปไตย โดยขอให้ไทยดำเนินการตามกรอบเวลาของ Road map ที่วางไว้โดยยึดหลักนิติธรรมและเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

                   ในประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันที่จะสานต่อโครงการความร่วมมือต่อไป เช่น บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู ซึ่งเป็นโครงการที่จะแลกเปลี่ยนครูสอนภาษาอังกฤษของฟิลิปปินส์มาสอนในไทยเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน การประชุมร่วมไทย-ฟิลิปปินส์ด้านความร่วมมือทางทหาร ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพจัดในช่วงต้นปี ๒๕๕๗ รวมถึงได้หารือแนวทางสานต่อความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้วย ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ขอให้ฟิลิปปินส์สนับสนุนการลงทุนของไทยในฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราสูงขึ้นมากและมีอุตสาหกรรมหลายประเภทที่สนใจทำการลงทุนในฟิลิปปินส์ เช่น อุตสาหกรรมผลิตกระดาษ กระเบื้องปูพื้น อุตสาหกรรมเกษตร ฯลฯ

                   นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์มีแนวคิดที่จะจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศผู้อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Claimant States) ในกลุ่มอาเซียน เพื่อร่วมกำหนดแนวทางและมาตรการต่างๆ ร่วมกันก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - จีน ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗

                   ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวว่า แม้จะมีการหารือกับจีนเกี่ยวกับการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conducts in the South China Sea- CoC) แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงมีความตึงเครียด ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงต้องเสนอมาตรการลดความตึงเครียดร่วมกัน และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป

***************************

                       ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗