เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล และนายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมเตรียมการช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ลิเบีย อิรัก และเคนยา ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ

รองอธิบดีกรมการกงสุลกล่าวว่า ตามที่เกิดเหตุการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ในพื้นที่บริเวณฉนวนกาซ่านั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานว่าขณะนี้มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดระดับแผนปฏิบัติการรับมือกับสถานการณ์สงครามในอิสราเอลอยู่ในระดับสีเหลือง (ระดับที่ ๓) ซึ่งมีความรุนแรงในพื้นที่ระดับกลาง ประชาชนในอิสราเอลยังสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ แต่ขอให้ใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟได้ประสานกับแรงงานไทยในอิสราเอลกว่า ๒๗,๐๐๐ คนอย่างใกล้ชิด และแจ้งข่าวกับแรงงานไทยในอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพแรงงานออกจากอิสราเอลแต่อย่างใด นอกจากนี้ อุปทูตที่ปรึกษาฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้เข้าพบอธิบดีกรมการจัดหางานและยืนยันว่าทางการอิสราเอลจะดูแลแรงงานไทยในอิสราเอลอย่างเต็มที่ และพร้อมให้ความช่วยเหลือหากมีเหตุอันตรายเกิดขึ้น

ในส่วนของประเทศลิเบียนั้น รองอธิบดีกรมการกงสุลกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลีได้ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงในลิเบียอย่างต่อเนื่อง และได้แจ้งแรงงานไทยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปลิเบียในทุกกรณี รวมทั้งการเตรียมอำนวยความสะดวกให้กับแรงงานไทยหากประสงค์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยขณะนี้มีแรงงานไทยในลิเบียประมาณ ๑,๕๐๐ คน

ทั้งนี้ กรณีเหตุความรุนแรงในอิรักและเคนยานั้น รองอธิบดีกรมการกงสุลกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศอิรักและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ได้ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่และประสานกับแรงงานไทยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพแรงงานจากทั้งสองประเทศกลับไทยแต่อย่างใด โดยแรงงานไทยในอิรักมีอยู่ประมาณ ๔๐ คนและแรงงานไทยในเคนยามีอยู่ประมาณ ๓๐ คน