วันที่นำเข้าข้อมูล 1 ม.ค. 2513
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
สหพันธรัฐไมโครนีเซีย
Federated States of Micronesia
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ ทางทิศตะวันออกของปาเลาและฟิลิปปินส์
พื้นที่ ไมโครนีเซียมีพื้นที่ทั้งหมด 702 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 607 เกาะ โดยแบ่งออกเป็น 4 หมู่เกาะหลักหรือมลรัฐ ได้แก่ Pohnpei (Ponape), Chuuk (Truk), Yap และ Kosrae (Kosaie)
ภูมิอากาศ แบบเขตศูนย์สูตร และมีภัยธรรมชาติจากพายุไต้ฝุ่นช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม
เมืองหลวง กรุงปาลิกีร์ (Palikir) ตั้งอยู่บนเกาะ Pohnpei
ประชากร 106,104 คน (ก.ค. 2556)
เชื้อชาติ ไมโครนีเซียนร้อยละ 84.6 และอื่น ๆ ร้อยละ15.6
ภาษา อังกฤษ ไมโครนีเซียน และภาษาท้องถิ่น อาทิ Yapase, Chuukese, Kosraean, Phonpeian
หน่วยเงินตรา ดอลลาร์สหรัฐ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) 327.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2555)
รายได้ประชาชาติต่อหัว (GDP per capita) 3,165 ดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2555)
อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Real GDP growth) ร้อยละ 1 (ปี 2555)
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 4 (ปี 2555)
อุตสาหกรรมหลัก ท่องเที่ยว ก่อสร้าง ประมง งานฝีมือ ไม้ และไข่มุก
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร พริกไทยดำ ผัก/ผลไม้เมืองร้อน มะพร้าว มันสำปะหลัง
สินค้าส่งออกที่สำคัญ ปลา เสื้อผ้าสำเร็จรูป กล้วย พริกไทยดำ
ตลาดส่งออก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หมู่เกาะมาร์แชลล์
สินค้านำเข้าที่สำคัญ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องจักรและอุปกรณ์ เครื่องดื่ม
ตลาดนำเข้า สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย
สหพันธรัฐไมโครนีเซียมีสถานะเป็นดินแดนภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา (Trust Territory) ตั้งแต่ปี 2490 ต่อมาในปี 2529 ไมโครนีเซียได้รับเอกราชโดยการทำความตกลง Compact of Free Association กับสหรัฐฯ โดยภายใต้ความตกลงดังกล่าว สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และด้านกลาโหมและความมั่นคงแก่ไมโครนีเซีย
ไมโครนีเซียปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ โดยมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว สภาผู้แทนราษฎรของไมโครนีเซียประกอบด้วยสมาชิก 14 คน ซึ่ง 4 คน จะเป็นตัวแทนจากแต่ละมลรัฐ โดยอยู่ในวาระ 4 ปี ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก 10 คน จะได้รับการเลือกตั้งตามเขตเลือกตั้ง 10 เขต โดยอยู่ในวาระ 2 ปี
ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจะถูกเลือกจากตัวแทนของแต่ละมลรัฐ และแต่งตั้งโดยสภา มีวาระ 4 ปี ประธานาธิบดีไมโครนีเซียเป็นทั้งประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ประธานาธิบดีไมโครนีเซียคนปัจจุบัน คือ นาย Emanuel (Manny) Mori
รูปแบบการปกครอง ระบอบสหพันธรัฐ (สภาเดียว)
ประธานาธิบดี (ประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาล) นาย Emanuel (Manny) Mori
รองประธานาธิบดี นาย Alik L. Alik
รัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Lorin Robert
ฝ่ายนิติบัญญัติ คณะรัฐมนตรีมี 14 ที่นั่ง 4 ที่นั่งมาจากผู้แทนจาก 4 มลรัฐ มีวาระ 4 ปี และอีก 10 คน มีวาระ 2 ปี
ฝ่ายตุลาการ ศาลสูง ( Supreme Court )
สถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด
การเลือกตั้งครั้งล่าสุด คือ เมื่อเดือนมีนาคม 2554 นาย Emanuel (Manny) Mori และนาย Alik L. Alik ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
เศรษฐกิจของไมโครนีเซียจำเป็นต้องพึ่งพาสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือภายใต้กรอบความตกลง Compact of Free Association เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และภาคบริการ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไมโครนีเซียประกอบด้วยการทำฟาร์ม และประมง นอกจากนี้ ไมโครนีเซียยังมีรายได้จากอุตสาหกรรมเหมืองแร่บางส่วน (ไม่รวมแร่ฟอสเฟต) และเครื่องปั้นดินเผาสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ไมโครนีเซียไม่มีสินค้าหลักที่จะนำรายได้เข้าประเทศ และต้องนำเข้าสินค้าอุปโภค-บริโภคจากต่างประเทศมูลค่าประมาณ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รายได้รัฐบาลมาจากเงินให้เปล่าจากต่างประเทศ (โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ให้เงินช่วยเหลือไมโครนีเซียมากที่สุด) รายได้อื่น ๆ มาจากค่าธรรมเนียมการให้สัมปทานประมง (โดยจีนเป็นประเทศหลักในการขอสัมปทานจับปลาทูน่าในน่านน้ำไมโครนีเซียตั้งแต่ปี 2533)
อย่างไรก็ดี ไมโครนีเซียมีพื้นที่เหมาะสมต่อการทำการเกษตร (มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณร้อยละ 5.7 ของพื้นที่ทั้งหมด) แต่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังขาดโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงเน้นการพัฒนาด้านการเกษตร อาทิ การปลูกพริกไทยดำ ผลไม้เมืองร้อน ผัก มะพร้าว มันสำปะหลัง การเลี้ยงสุกรและไก่ การประมง และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
ในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้น แม้ไมโครนีเซียจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย แต่การท่องเที่ยวก็ยังได้รับอุปสรรคจากการขาดโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank – ADB) ประเมินว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้มากที่สุดของไมโครนีเซีย
ถึงแม้ไมโครนีเซียจะมีประชากรไม่มาก อีกทั้งยังได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ แต่ไมโครนีเซียกลับมีอัตราการว่างงานค่อนข้างสูง ซึ่งสาเหตุหลักประการหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของแรงงานชาวฟิลิปปินส์
ไมโครนีเซียมีผู้แทนทางการทูตใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฟิจิ (สอท. ณ กรุงซูวา) ญี่ปุ่น (สอท. ณ กรุงโตเกียว) สาธารณรัฐประชาชนจีน (สอท. ณ กรุงปักกิ่ง) สหรัฐอเมริกา (สอท. ณ กรุงวอชิงตัน สกญ. ณ นครโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย สกญ. ณ เกาะกวม และ และคณะทูตถาวรประจำสหประชาติ ณ นครนิวยอร์ก)
ความสัมพันธ์ทวิภาคี
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อไมโครนีเซียมากที่สุด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยทั้งสองประเทศได้ลงนามในความตกลง Compact of Free Association ระหว่างกัน ซึ่งสหรัฐฯ จะรับผิดชอบนโยบายด้านกลาโหมและความมั่นคง ซึ่งรวมไปถึงการมีสิทธิ์ตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในไมโครนีเซีย โดยแลกกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไมโครนีเซีย ทั้งนี้ ระหว่างปี 2529 – 2544 สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ไมโครนีเซีย ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2547 สหรัฐฯ ตกลงจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมแก่ไมโครนีเซียมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลา 20 ปี (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547 - 2567) อนึ่ง ความช่วยเหลือทางการเงินนี้ถูกนำไปใช้สนับสนุนงบประมาณของประเทศ และใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว
บทบาทในเวทีระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2556 ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (United Nation General Assembly – UNGA) สมัยที่ 68 ณ นครนิวยอร์ก นาย Emanuel Manny Mori ประธานาธิบดีไมโครนีเซียได้กล่าวถ้อยแถลงซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจหลักของไมโครนีเซียต่อประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ วาระการพัฒนาภายหลังปี 2558 (ค.ศ. 2015) ซึ่งไมโครนีเซียย้ำการให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นานาชาติให้ความสำคัญกับการกำหนดวาระการพัฒนาภายหลังปี 2558 (SDGs) ในเรื่องมหาสมุทรและการประมง การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โรคไม่ติดต่อ การพัฒนาผู้พิการ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมถึงยังเรียกร้องให้แก้ไขวิกฤตการณ์ในซีเรียผ่านกลไกขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย
ความสัมพันธ์ทางการเมือง
ไทยกับสหพันธรัฐไมโครนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2535 ปัจจุบันสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว มีสถานะเป็นจุดติดต่อ ไทยให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ไมโครนีเซียภายใต้กรอบ Thailand International Cooperation Program (TICP) ของ สพร. ตั้งแต่ปี 2544 โดยไมโครนีเซียส่งผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 3 คน
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับไมโครนีเซียในปี 2555 อยู่ที่ 48.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกเป็นมูลค่า 3.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไทยนำเข้าเป็นมูลค่า 44.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้า ได้แก่ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ในปี 2555 ไทยขาดดุลการค้า 41.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานะ ณ ปัจจุบัน ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2556 มูลค่าการค้าอยู่ที่ 16.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 2.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 13.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยขาดดุลการค้า 11.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การหารือทวิภาคีระหว่างฝ่ายไทย-ไมโครนีเซีย
*****************************
สถานะ ณ ตุลาคม 2556
กองแปซิฟิกใต้ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ โทร. 0-2203-5000 ต่อ 13028 โทรสาร. 0-2643-5127
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **