กระทรวงการต่างประเทศและมหาวิทยาลัยมหิดลลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อขยายและยกระดับความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

กระทรวงการต่างประเทศและมหาวิทยาลัยมหิดลลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อขยายและยกระดับความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ก.ย. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 4,911 view

กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามในบันทึกความเข้าใจโครงการ Capacity Building for Medical and Health Science Education Hub เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโครงการ MFA - MU Capacity Building for Medical and Health Science Education Hub ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและมหาวิทยาลัยมหิดล ณ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ

บันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพของไทย โดยจะร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ชั้นนำระดับโลกของประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้การแพทย์เฉพาะทาง แนวปฏิบัติที่ดี การให้บริการทางการแพทย์ และการสร้างเครือข่ายทางการแพทย์ในระดับภูมิภาคและนานาชาติ รวมทั้งเพื่อพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยและการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ตามยุทธศาสตร์การทูตเชิงเวชการ (Medical Diplomacy) เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

โครงการ MFA - MU Capacity Building for Medical and Health Science Education Hub จะประกอบด้วยโครงการย่อย จำนวน ๖ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการผ่าตัดโรคต้อหินในเด็ก (๒) โครงการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาขั้นสูง (๓) โครงการการจัดประชุมวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการทางด้านการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อแพทย์และบุคลากรด้านการฟื้นฟูไทยและในภูมิภาคอาเซียน (๔)โครงการปลูกถ่ายตับอ่อน (๕) โครงการพื้นฐานในการปลูกถ่ายไตขั้นสูง และ (๖) โครงการใช้ข้อมูลจีโนมในการศึกษาโรคติดเชื้อ : จากเซลล์เดียวถึงข้อมูลมหภาค (Big Data)

ทั้งนี้ ก่อนพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการสานต่อความร่วมมือในอนาคต

 

--------------