อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ และอธิบดีกรมยุทธศาสตร์สหรัฐฯ และอินโด-แปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย ร่วมกันเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ และพัฒนาการในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประชุม Indo-Pacific Strategic Dialogue ไทย-ออสเตรเลีย

เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ กระทรวงการต่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับฝ่ายออสเตรเลีย จัดการประชุม Indo-Pacific Strategic Dialogue ครั้งแรก ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล โดยมีนายวิชชุ เวชชาชีวะ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย และนาย Craig Chittick อธิบดีกรมยุทธศาสตร์สหรัฐฯ และอินโด-แปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายออสเตรเลีย

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมความร่วมมือภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายประกาศไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ผลต่อพัฒนาการในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลียในฐานะประเทศที่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เพื่อร่วมกันบริหารจัดการสิ่งท้าทายและใช้ประโยชน์จากโอกาสในบริบทระหว่างประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับประเด็นพัฒนาการในภูมิภาคที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมและความยั่งยืน ผ่านกรอบความร่วมมือทุกระดับที่มีอยู่ รวมถึง ACMECS และข้อริเริ่ม Mekong-Australia Partnership ของออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และเมียนมา ซึ่งฝ่ายออสเตรเลียย้ำให้ความสำคัญกับบทบาทอาเซียนในการแก้ไขปัญหา และย้ำให้การสนับสนุนอาเซียนในฐานะแกนหลักของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมทั้งความประสงค์ที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือกับอาเซียนตามแนวทางความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย

สำหรับประเด็นความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย สองฝ่ายอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดกิจกรรมความร่วมมือ โดยเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือในสาขาสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านสาธารณสุข เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในปัจจุบันและโรคอุบัติใหม่อื่น ๆ ในอนาคต (๒) การฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะสาขาที่เชื่อมโยงกับแนวนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ของไทย ซึ่งออสเตรเลียมีจุดแข็ง รวมทั้งการเสริมสร้างห่วงโซ่มูลค่าที่มั่นคงและพึ่งพากันได้ และ (๓) ความมั่นคงของมนุษย์และความมั่นคงรูปแบบใหม่ ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์น่าเป็นห่วงขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ อาทิ ยาเสพติด การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การแสวงหาประโยชน์จากเด็ก โดยสองฝ่ายย้ำที่จะร่วมมือกันใกล้ชิดเพื่อจัดการปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

----------------