วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ธ.ค. 2564
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
พี่น้องชาวไทยที่รัก
ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ในวันนี้ ตรงกับวาระครบรอบ ๗๕ ปี การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทย ซึ่งไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๔๘๙ ภายหลังจากสหประชาชาติก่อตั้งขึ้นในปี ๒๔๘๘ โดยประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกในลำดับที่ ๕๕
สหประชาชาติ ถือเป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีความสำคัญที่สุด มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาทุกข์ และแก้ไขปัญหาของประชาคมโลก จรรโลงสันติภาพและความมั่นคง ปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ตลอดจนดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา ๗๕ ปี การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทย ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ไทยมีส่วนร่วม ในภารกิจทั้ง ๓ เสาหลักของสหประชาชาติอย่างแข็งขัน ได้แก่
- ด้านสันติภาพและความมั่นคง ตั้งแต่ปี ๒๕๐๑ ไทยสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ทั้งชายและหญิงกว่า ๒๗,๐๐๐ คน เข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ และภารกิจเพื่อสันติภาพอื่น ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ รวมกว่า ๒๐ ภารกิจ ซึ่งปัจจุบัน ไทยส่งกองร้อยทหารช่างเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน
- ด้านสิทธิมนุษยชน ไทยให้ความสำคัญกับการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด โดยไทยได้รับการยอมรับด้านการส่งเสริมสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ อาทิ เด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้โยกย้ายถิ่นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-๑๙ ไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศรายได้ระดับกลางที่ประสบความสำเร็จในการสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชากรกลุ่มต่าง ๆ
- ด้านการพัฒนา ในปี ๒๕๕๘ สหประชาชาติมีแผนขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง ๑๗ เป้าหมายหลัก เพื่อให้บรรลุผลภายในปี ๒๕๗๓ ดังนั้น เรามีเวลาเหลืออีกเพียง ๙ ปี ที่จะเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยไทยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) หรือ SEP มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุ SDGs เนื่องจาก SEP มีความสอดรับเป็นเนื้อเดียวกับ SDGs ที่มุ่งพัฒนาและสร้างความสมดุลในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ไทยยังได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งในเอเชียและแอฟริกา นอกจากนั้น ไทยมุ่งนำเสนอการสร้าง “ความสมดุลของสรรพสิ่ง” ในเวทีสหประชาชาติผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสามมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อต่อยอด SEP และนำไปสู่การบรรลุ SDGs ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี ๒๕๖๕ ประเทศไทยจะชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศที่ยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ของสำนักงานสหประชาชาติในภูมิภาคเอเชีย ซี่งไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก หรือเอสแคป รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ของสหประชาชาติอีกกว่า ๔๐ หน่วยงาน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรของไทยในด้านการทูตพหุภาคี โดยการสนับสนุนคนไทยไปปฏิบัติงานหรือดำรงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ในสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นโอกาส ให้ประเทศไทยและคนไทยเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงเห็นแล้วว่า การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทยตลอดระยะเวลา ๗๕ ปี มีความสำคัญอย่างยิ่งกับประเทศ เพราะโลกของเราในปัจจุบัน เป็นโลกที่ไร้พรมแดน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนานาประเทศ โดยมีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือจึงเป็นทางออกที่จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถฝ่าฟันวิกฤติต่าง ๆ โดยเฉพาะความท้าทายรูปแบบใหม่ไปได้ในที่สุด
ซึ่งไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหประชาชาติ และนานาประเทศ เพื่อพลิกโฉมให้ความร่วมมือพหุภาคีภายใต้สหประชาชาติเป็นกลไกแห่งการขับเคลื่อนและการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถเสริมพลังให้โลกของเรากลับมาเข้มแข็งกว่าเดิม
ภารกิจของสหประชาชาติล้วนเกี่ยวข้องกับเราทุกคนและไม่ใช่เรื่องไกลตัว รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ ร่วมผนึกกำลังในการผลักดันให้ไทยคงบทบาทที่ “เข้มแข็ง สร้างสรรค์ และต่อเนื่อง” สืบต่อไปได้ในเวทีสหประชาชาติและเวทีโลก
ขอบคุณครับ
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **