เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ได้ร่วมกล่าวเปิดกิจกรรมคู่ขนานในหัวข้อ “การส่งเสริมสุขภาพของผู้โยกย้ายถิ่นฐาน : การแสวงหาความสงบสุขและชีวิตที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน” ซึ่งไทยได้ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) สหพันธ์กาชาดสากลและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) โปรตุเกส อิตาลี อาร์เจนตินา สวิตเซอร์แลนด์และ เอกวาดอร์ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๒ ณ นครนิวยอร์ก  

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า การมีสุขภาพที่ดีถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของทุกคน ในฐานะที่ไทยเป็นทั้งประเทศผู้ส่ง ทางผ่าน และประเทศผู้รับ ไทยได้ดำเนินการให้ผู้โยกย้ายถิ่นฐานและแรงงานต่าวด้าวรวมทั้งผู้ติดตาม สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ นอกจากนี้ โรงพยาบาลตามชายแดนยังรับภาระให้การรักษาผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านที่ข้ามแดนมาอีกด้วย ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวนอกจากจะเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแล้ว ยังเป็นการช่วยป้องกันปัญหาสาธารณสุขและเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนไทย รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยในทางอ้อมเนื่องจากไทยตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานผู้โยกย้ายถิ่นฐานที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ  ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จในเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุขโดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพของผู้โยกย้ายถิ่นฐาน และได้เชิญชวนให้นานาประเทศสนับสนุนการรวมประเด็นด้านการให้บริการสุขถาพสำหรับผู้โยกย้ายถิ่นฐานไว้ในข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบและปกติ (Global Compact for Safe, Orderly, and Regular Migration – GCM) ซึ่งกำลังจะเข้าสู่กระบวนการเจรจาโดยประเทศสมาชิกสหประชาชาติตลอดช่วงปี ๒๕๖๑    

             กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมบรรยายระดับสูงอย่างคับคั่ง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปรตุเกส ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงโยกย้ายถิ่นเอกวาดอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ IOM และผู้อำนวยการใหญ่ WHO นอกจากนี้ นพ. ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมเป็น

ผู้อภิปรายเพื่อแลกแปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีของไทยแก่ประเทศอื่น ๆ อีกด้วย