เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม Asia-Pacific Forum on Sustainable Development (APFSD) ครั้งที่ ๔ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงความสำคัญของ APFSD ในฐานะเวทีขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยินดีที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะรับรองแผนที่นำทางของภูมิภาคในการอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Regional roadmap for implementing the 2030 Agenda for Sustainable Development in Asia and the Pacific) โดยได้เรียกร้องให้ประเทศในเอเชียแปซิฟิกร่วมกันปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ร่วมกัน และดำเนินการในฐานะพลเมืองที่รับผิดชอบในการส่งผ่านโลกที่ดีขึ้นให้กับชนรุ่นหลังผ่านการส่งเสริมให้เกิดความสอดคล้องทางนโยบายระหว่างหน่วยงาน และอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ รวมทั้งควรต้องให้ความสำคัญกับเยาวชน ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลง และควรเป็นผู้ร่วมกำหนดอนาคตของโลกที่พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ต่อไป นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวแสดงความพร้อมของไทยที่จะแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

อนึ่ง การประชุม APFSD เป็นเวทีการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือความต้องการและประเด็นที่ภูมิภาคให้ความสำคัญในการอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยการประชุมปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ –๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ภายใต้หัวข้อ “Eradicating poverty and promoting prosperity in a changing Asia-Pacific หรือการขจัดความยากจนและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่เปลี่ยนแปลง โดยมีผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลประเทศสมาชิก ผู้เชี่ยวชาญ และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมการประชุม ๓๐๐ – ๔๐๐ คน นอกจากนี้ APFSD ยังมีส่วนร่วมในการเตรียมการสำหรับการประชุมระดับสูงด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum on Sustainable Development – HLPF) ซึ่งจะจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยไทยมีกำหนดจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และรายงานความคืบหน้าในการอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศต่าง ๆ ด้วย