รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพบสื่อมวลชน ณ จังหวัดเชียงใหม่

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพบสื่อมวลชน ณ จังหวัดเชียงใหม่

วันที่นำเข้าข้อมูล 28 ก.ค. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 2,035 view

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพบสื่อมวลชน ณ จังหวัดเชียงใหม่

         เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน เนื่องในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (JC) ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย – เมียนมาร์ ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

         รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ในการประชุม JC ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้จะหารือประเด็นความร่วมมือทวิภาคีในทุกมิติ เช่น การส่งเสริมความเชื่อมโยง ทางคมนาคมระหว่างสองประเทศ การพัฒนาการค้าชายแดน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน และจะมีการลงนามในความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาไทย – เมียนมาร์ ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จะมีพิธีเปิดสถานกงสุลใหญ่เมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศทั้งในระดับประชาชนและรัฐบาล

         สื่อมวลชนได้สอบถามถึงการประกาศผลรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (TIP Report 2015) ของ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การที่สหรัฐฯ จัดให้ไทยอยู่ Tier 3 นั้น ไม่สะท้อนความพยายามและความก้าวหน้าในการดำเนินการของไทยเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ คณะทำงานจัดทำ TIP Report มีจำนวนบุคลากรน้อย และไม่ได้ส่งผู้แทนมาประเทศไทยตามที่เคยกล่าวไว้ นอกจากนี้ TIP Report 2015 ประเมินผลจาก ๑ เมษายน ๒๕๕๗ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ แต่ในระยะที่ผ่านมามีความคืบหน้าเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ก่อนการประกาศ TIP Report 2015 ได้มีการโทรศัพท์มาพูดคุยเพื่อแสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของไทย ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณา TIP Report ในปีหน้า ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แล้วว่า ผลรายงานไม่สะท้อนการดำเนินการของรัฐบาลไทย

         รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้จัดการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ค้างคามานานอย่างเป็นระบบและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในทุก ๆ ด้าน เช่น

          (๑) ด้านนโยบาย  รัฐบาลได้ประกาศย้ำให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ

           (๒) ด้านการปราบปราม มีการทลายเครือข่ายสำคัญ มีการจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่ มีการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งได้จัดแผนกพิเศษในศาลเพื่อพิจารณาคดีค้ามนุษย์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี กระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลาและความรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

           (๓) ด้านการป้องกัน มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวจำนวนกว่า ๑.๖ ล้านคน ทำให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเช่นเดียวกับคนไทย ซึ่งได้รับการชื่มชมจากนานาประเทศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า การค้ามนุษย์เป็นเรื่องของความมั่นคงและมนุษยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยให้ความสำคัญ และรัฐบาลไทยจะยังมุ่งมั่นดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไปเพื่อความมั่นคงของประเทศไทย อาเซียน และประเทศในภูมิภาค และพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือกับภาคเอกชนและ ภาคประชาสังคม ตลอดจนขยายความร่วมมือกับนานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่อไป

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ