เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโพนโฮง โรงพยาบาลโพนโฮง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับนายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป. ลาว ในบริเวณพื้นที่โรงพยาบาลโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันตักดินโปรยไปยังบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง เปิดแพรคลุมป้ายข้อความ และปลูกต้นราชพฤกษ์ร่วมกัน เพื่อเป็นที่ระลึกของพิธีวางศิลาฤกษ์และเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างกัน


ในพิธีดังกล่าวมีนายเอกสะหว่าง วงวิจิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สปป. ลาว นายหลี บุนค้ำ เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและ สปป. ลาว เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี โดยในส่วนของฝ่ายไทย ได้แก่ นายสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์​​​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพิษณุ จันทร์วิทัน​​​ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายนภดล เทพพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นางสาวสุชาดา ไทยบรรเทา อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ น.ต.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดหนองคาย 

อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการว่า การก่อสร้างอาคารบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดนี้เป็นความร่วมมือภายใต้โครงการพัฒนาโรงพยาบาลโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ที่รัฐบาลไทย โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาล สปป. ลาว ซึ่งได้ให้การสนับสนุนมาเป็นระยะที่ ๒ แล้ว โดยรัฐบาลไทยสนับสนุนการก่อสร้างอาคารศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดจำนวน ๖ หลัง ประกอบด้วยอาคารที่ทำการเจ้าหน้าที่ อาคารถอนพิษยาผู้ป่วย อาคารโรงอาหารและโรงครัว อาคารพักเจ้าหน้าที่ อาคารบำบัดและกิจกรรม และอาคารฟื้นฟูผู้ป่วย รวมทั้งสนับสนุนการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยนอกให้เป็นศูนย์อุบัติเหตุเบื้องต้น ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และจัดหลักสูตรฝึกอบรม ทั้งในด้านการบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดและการให้บริการด้านอุบัติเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ สปป. ลาว สามารถใช้อาคารที่ไทยได้มอบให้อย่างเต็มศักยภาพและยั่งยืน

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของวิทยาลัยเทคนิคแขวงเวียงจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงในเขตเมืองโพนโฮง โดยรัฐบาลไทยได้สนับสนุนการพัฒนาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ โดยสนับสนุนการปรับปรุงอาคารโรงฝึกและห้องเรียนสำหรับการเรียนการสอนในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่ ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างก่อสร้าง ช่างไม้ ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า อาหาร การโรงแรม บริหารธุรกิจ และเทคนิคพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรโดยส่งอาจารย์ผู้สอนมาเข้ารับการอบรมและดูงานที่ประเทศไทย ทำให้วิทยาลัยสามารถผลิตบุคลากรด้านแรงงานมีฝืมือที่มีประสิทธิภาพป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ทั้งในประเทศและในประเทศใกล้เคียงรวมทั้งประเทศไทย และล่าสุดรัฐบาล สปป. ลาว โดยวิทยาลัยเทคนิค แขวงเวียงจันทน์ กระทรวงศึกษาธิการ มีแผนขอรับการสนับสนุนจากกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในการเปิดสอนในสาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการผลิตคนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตของ สปป. ลาว

ทั้งสองโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ไทยมีให้กับ สปป. ลาว นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาล สปป. ลาว มูลค่ากว่า ๑๐๐ ล้านบาทต่อปี โดยเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ซึ่งแสดงออกถึงความจริงใจในการสนับสนุนและแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนากับ สปป. ลาว ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนต่อไป
 

หมายเหตุ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (Thailand International Cooperation Agency: TICA) ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๘ โดยยกฐานะสํานักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) ขึ้นเป็นกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินภารกิจความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศโดยการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศในการส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศอื่นๆ ซึ่งจะนําไปสู่การขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ และการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและความใกล้ชิดระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว