เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) Annual Conference 2015 ณ เมืองโบ๋อ๋าว มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในปีนี้จัดภายใต้หัวข้อ “Asia’s New Future: Towards a Community of Common Destiny” โดย นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นประธานการประชุม และมีผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ อาทิ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีศรีลังกา ผู้สำเร็จ ราชการออสเตรเลีย นรม. สวีเดน ประธานาธิบดีเนปาล ประธานาธิบดีแซมเบีย นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งของรัสเซียและรองนายกรัฐมนตรีกาตาร์เข้าร่วมการประชุม

รอง นรม./รมว.กต. ได้กล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างพิธีเปิดการประชุมว่า หัวข้อประจำปีนี้มีความหมายสำคัญต่อภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อมองในบริบทที่ภูมิภาคเอเชียเป็นฐานเศรษฐกิจและการเจริญเติบโตที่สำคัญของโลกปัจจุบัน ทั้งนี้ การมีอนาคตร่วมกันควรเป็นไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยให้ความสำคัญเช่นกัน ในระหว่างการประชุมได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำประเทศอื่นที่เข้าร่วมประชุม 

ในโอกาสนี้ รอง นรม./ รมว.กต. ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดปีแห่งความร่วมมือทางทะเลอาเซียน - จีน (ASEAN-China Maritime Cooperation Year) กับนายหยาง เจี๋ยฉือ มนตรีแห่งรัฐ (เทียบเท่ากับรองนายกรัฐมนตรี) และมีนายฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีคมนาคมกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ  เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน โดย รอง นรม./รมว.กต กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “Jointly Building the 21st Century Maritime Silk Road” ว่า ไทยชื่นชมแนวคิด "เส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ ๒๑" (21st Century Maritime Silk Road) และ "แนวเขตเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหม" (Silk Road Economic Belt) ของจีน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งและกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสอดคล้องและสนับสนุนการดำเนินการของไทย ทั้งในบริบทประเทศไทย อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน ในการสร้างความเชื่อมโยงทั้งทางทะเลและบก  เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในภูมิภาคเอเชียได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนในห่วงโซ่การผลิตในรูปแบบประเทศไทย+1 อย่างทั่วถึง และเสริมสร้างเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค 

หลังจากนั้น รอง นรม./รมว.กต. ได้หารือทวิภาคีกับนายหยางฯ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของไทยในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ ๔๐ ปี ทางการทูตระหว่างไทย-จีน พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยนายหยางฯ กล่าวแสดงความพอในพัฒนาการมิตรภาพระหว่างไทยและจีนซึ่งจะส่งผลบวกต่อการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลและแนวเขตเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหม และชื่นชมบทบาทของ รอง นรม./รมว.กต. ในการผลักดันความสัมพันธ์ไทย-จีน ตลอดจนบทบาทของไทยในการเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-จีน

อนึ่ง ไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกก่อตั้ง BFA และได้ส่งผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมเสมอมานับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๔  โดย BFA มีวัตถุประสงค์ผลักดันประเทศเอเชียให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาผ่านการส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเขตเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเปิดโอกาสให้ผู้นำระดับสูงทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการของประเทศสมาชิกและประเทศผู้สังเกตการณ์ได้หารือและแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นสำคัญ 

ปัจจุบัน BFA มีประเทศสมาชิกทั้งหมด ๒๘ ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ออสเตรเลีย บังกลาเทศ บรูไนฯ กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น อิหร่าน อิสราเอล คาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กิซ ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมาร์ เนปาล นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สิงค์โปร์ ศรีลังกา ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิซสถาน และเวียดนาม