เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๘ เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย รวม ๓ ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ศรีลังกา และกาตาร์ ประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

๑.นายมูฮัมมัด อาลี อะห์เมด อมราน อัล ชัมซี (Mr. Muhammed Ali Ahmed Omran Al Shamsi) เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย  เข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลาตำแหน่งโดย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวขอบคุณที่ เอกอัครราชทูต อัล ชัมซี ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และในการสนับสนุนกิจการมุสลิมในประเทศไทยอย่างแข็งขันมาโดยตลอด นอกจากนี้ แสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย  – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปี ๒๕๕๘ ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการขยายความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดในมิติต่าง ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน และการแสวงความร่วมมือในมิติใหม่อื่นๆ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อนึ่ง นายมูฮัมมัด อาลี อะห์เมด อมราน อัล ชัมซี  เดินทางมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทยเมื่อปี ๒๕๕๒ โดยปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ประเทศไทยเป็นเวลา ๕ ปี  ๖ เดือน ซึ่งนอกจากส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับอาหรับเอมิเรตส์อย่างแข็งขัน ในระหว่างดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฯ ได้ให้การสนับสนุนกิจการมุสลิมในประเทศไทย อาทิ  การสนับสนุนงบประมาณเพื่อเลี้ยงอาหารละศีลอดแก่ผู้ต้องขังมุสลิมในเรือนจำทั่วประเทศไทย    การสนับสนุนงบประมาณสำหรับการสร้างมัสยิดและโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับอิสลาม และ การสนับสนุนงบประมาณแก่ชาวไทยมุสลิมยากไร้ให้ได้มีโอกาสเดินทางไปงบประมาณประกอบพิธีฮัจย์ อีกด้วย

ทั้งนี้ นายซาอีฟ อับดุลลา อัล ชัมซี กงสุลใหญ่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำนครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี จะเดินทางมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ต่อไปและแสดงความพร้อมของในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (JC) ไทย – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๑ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม

๒. พล.อ. (นอกราชการ) สุวันทะ แหนนะทิเค ศานตะ โกฏเฏโกฑะ (Gen. (Retd.)Suwanda Hennadige Shantha Kottegoda) เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหารือประเด็นทวิภาคีไทย-ศรีลังกา ในหลายประเด็น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของศรีลังกา เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ เกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งศรีลังกามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง และมีศักยภาพที่จะเป็นตลาดใหม่ด้านการค้าการลงทุนของไทย จึงเห็นควรส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้น นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูตศรีลังกาฯ ยังได้แสดงความพอใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ราบรื่นและใกล้ชิด บนพื้นฐานของความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยทั้งสองฝ่ายมีกำหนดจะจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๖๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและศรีลังกาตลอดปี ๒๕๕๘ ด้วย

๓.นายญะบัร เอช. เอ. อัดเดาซะรีย์ (Mr. Jabor Ali H. A. Al-Dosari) เอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะและหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับกาตาร์

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีในโอกาสการครบรอบ ๓๕ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับกาตาร์ในปี ๒๕๕๘ และแสดงความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือกับกาตาร์ ในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุนและพลังงาน ซึ่งกาตาร์ได้แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ในโอกาสดังกล่าว เอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ฯ ได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนกาตาร์ด้วย

ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวกาตาร์ ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวจากกาตาร์เดินทางมาประเทศไทยประมาณปีละ ๒๘,๐๐๐ คน รวมทั้งผู้ที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนของไทย