เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ นายฟิลิป วาแรง (Philippe Varin) ผู้แทนพิเศษ (ด้านเศรษฐสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียน) ของนายโลรองต์ ฟาบิอุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาระหว่างประเทศของฝรั่งเศส ได้เข้าเยี่ยมคารวะ  พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายตีแยรี วีโต เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เข้าร่วม โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายวางแรงฯ และได้หารือในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้

นายวาแรงฯ ได้แสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแสดงความพร้อมที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับไทย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับไทยและประเทศในอาเซียน ซึ่งฝรั่งเศสมั่นใจในศักยภาพเศรษฐกิจของไทย และพร้อมขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุนกับไทยและภูมิภาคอาเซียนมากยิ่ งขึ้น โดยนายวาแรงฯ จะเป็นประธานเปิดการประชุมบริษัทที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ ๑๑  (Forum ASEAN for French Foreign Trade Advisor)  ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่กรุงเทพฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายการค้าการลงทุนของฝรั่งเศสในไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะมีที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและนักธุรกิจฝรั่งเศสในภูมิภาคกว่า ๓๐๐ คนเข้าร่วม

ทั้งนี้ นายวาแรงฯ ได้ยกข้อห่วงกังวลจากภาคเอกชนฝรั่งเศส กรณีรัฐบาลเตรียมทบทวน พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนฝรั่งเศสในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ไทยอยู่ระหว่างการสอบถามข้อคิดเห็นของฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้มั่นใจว่าข้อห่วงกังวลของภาคเอกชนต่างประเทศที่เสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณาในเรื่องที่จะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่าย

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความมั่นใจกับฝ่ายฝรั่งเศสถึงความพร้อมของไทยในการดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการเน้นความสำคัญด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทย - ฝรั่งเศสให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนโครงการ Work Integrated Learning (WIL) ที่ภาคเอกชนฝรั่งเศสได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันการศึกษาไทยจัดฝึกงานให้แก่นักเรียนระดับ ปวส. และปริญญาตรี ในโรงงานของฝรั่งเศสในไทย โดยฝ่ายไทยหวังว่า โครงการ WIL จะขยายวงไปยังบริษัทฝรั่งเศสอื่น ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งการขยายการศึกษาภาษาฝรั่งเศสในไทยในอนาคตต่อไป