รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงกรณีแผ่นปะตรวจลงตรา (visa sticker)

รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงกรณีแผ่นปะตรวจลงตรา (visa sticker)

วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ส.ค. 2556

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 3,923 view

เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีมีรายงานข่าวว่ามีการลักลอบนำแผ่นปะตรวจลงตรา (visa sticker) ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตไปใช้โดยผิดกฎหมาย รวมถึงกรณีแผ่นปะตรวจลงตราที่ขนส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮกสูญหาย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

กรณีแผ่นปะตรวจลงตราถูกลับลอบนำไปใช้จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

จาก การที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ตรวจพบความผิดปกติของการตรวจลงตรา เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการสอบสวน พบว่ามีการลักลอบนำแผ่นปะตรวจลงตรา จำนวน ๓๐๐ ใบ เข้าไปผลิตในระบบของสถานเอกอัครราชทูตฯ แล้วนำไปใช้โดยไม่ได้ยื่นคำร้องและไม่ผ่านการพิจารณาของเจ้าหน้าที่กงสุลของ สถานเอกอัครราชทูตฯ ตามขั้นตอน ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ – กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งคาดว่ากระทำเป็นขบวนการระหว่างลูกจ้างท้องถิ่นที่สถานเอกอัครราชทูตฯ กับกลุ่มขบวนการภายในประเทศไทย โดยสรุปในเบื้องต้นได้ว่า มีการปฏิบัติหน้าที่หละหลวม ละเลยระเบียบการเก็บรักษาแผ่นปะตรวจลงตราของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลประจำสถาน เอกอัครราชทูตฯ

กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคน เข้าเมือง รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อยกเลิกแผ่นปะทั้ง ๓๐๐ แผ่น และติดตามผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วยแผ่นปะดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในประเทศ ๕๕ คน และได้สั่งการกำชับให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ทุกแห่ง เก็บรักษาแผ่นปะตรวจลงตราตามแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศที่กำหนดไว้ อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังได้แจ้งความกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้อง และได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาด้านวินัยเพื่อสอบสวนการกระทำผิดในครั้งนี้ โดยหากพบผู้กระทำผิดก็จะลงโทษตามระเบียบของทางราชการต่อไป


กรณีแผ่นปะตรวจลงตราของสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตสูญหาย

จาก การที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหนองคายพบความผิดปกติในแผ่นปะตรวจลงตราซึ่ง ออกโดยสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตนั้น คณะของกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว ทราบว่า เป็นการลักลอบนำแผ่นปะตรวจลงตราไปใช้โดยมิชอบ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ พบว่า มีแผ่นปะสูญหายไปทั้งสิ้น ๕๐๐ แผ่นตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ส่วนรายละเอียดอยู่ในระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยกเลิก แผ่นปะตรวจลงตราหมายเลขเหล่านั้นแล้ว เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๖

กรณีแผ่นปะตรวจลงตราของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮกสูญหาย

กระทรวง การต่างประเทศได้รับรายงานว่าแผ่นปะตรวจลงตราของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮกสูญหาย จำนวน ๒,๐๐๐ แผ่น อันเป็นผลจากที่ถุงเมล์การทูตสูญหายในระหว่างการขนส่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดพลาดในการเปลี่ยนเครื่องบินขณะขนส่ง เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงของการบินไทยระหว่างนครอัมสเตอร์ดัมกับกรุงเทพฯ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งยกเลิกแผ่นปะตรวจลงตราทั้ง ๒,๐๐๐ แผ่น ไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว และกรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการลักลอบนำแผ่นปะไปใช้โดยมิชอบแต่ อย่างใด

มาตรการป้องกันระยะยาว

เพื่อ เป็นมาตรการระยะยาวในการป้องกันการปลอมแปลงหรือลักลอบนำแผ่นปะตรวจลงตราไป ใช้โดยมิชอบ กระทรวงการต่างประเทศกำลังได้เริ่มพัฒนาระบบการตรวจลงตรารูปแบบใหม่ผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกและฐานข้อมูลออนไลน์ (e-Visa) ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะมีรูปถ่ายติดอยู่บนแผ่นปะ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และป้องกันการปลอมแปลงได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถนำมาใช้งานได้จริงประมาณเดือนตุลาคมปี ๒๕๕๗

สถิติการใช้แผ่นปะตรวจลงตราของกระทรวงการต่างประเทศ

ใน ปี ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแผ่นปะให้แก่ผู้มาขอรับการตรวจลงตราทั้งสิ้น ๓,๔๓๘,๘๘๕ ฉบับ และในปี ๒๕๕๖ นี้ ช่วง ๖ เดือนแรก ได้ออกแผ่นปะไปแล้ว ๒,๔๓๑,๙๗๑ ฉบับ คาดว่าในปี ๒๕๕๖ นี้จะมียอดการออกแผ่นปะถึง ๔,๐๐๐,๐๐๐ ฉบับ โดยมีหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจลงตราเป็นสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ๙๓ แห่ง และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ซึ่งสามารถตรวจลงตราได้ด้วยอีก ๑๔๐ แห่ง

จาก สถิติปี ๒๕๕๑ มีการออกแผ่นปะตรวจลงตราไป ๑,๙๐๐,๐๐๐ ดวง จึงประเมินได้ว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ขอตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่อง
 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ