สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น.

สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 มี.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 6 มี.ค. 2568

| 308 view

สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว

และทาง Facebook/TikTok live กระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. การเดินทางเยือนกาตาร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • เมื่อวันที่ 2 - 4 มีนาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนรัฐกาตาร์ เพื่อพบหารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ รัฐกาตาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความขอบคุณรัฐบาลกาตาร์อย่างเป็นทางการ ที่เป็นผู้เจรจาและประสานงานที่สำคัญ เพื่อให้คนไทยในฉนวนกาซาทั้ง 28 คน ได้รับการปล่อยตัว พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนจากกาตาร์เพิ่มเติม ในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยที่ยังเหลืออยู่ในฉนวนกาซา อีก 1 ราย รวมถึงการส่งร่างของตัวประกันที่เสียชีวิต 2 รายกลับประเทศไทยโดยเร็ว
  • นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญ ครบรอบ 45 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - รัฐกาตาร์ด้วย โดยเฉพาะแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญและมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ (1) ความมั่นคงทางอาหาร (2) ความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งจะมุ่งเป้าไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด หรือ Green Transition และ (3) ความมั่นคงของมนุษย์
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ร่วมกับรัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศกาตาร์ ลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/พิเศษระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐกาตาร์ในโอกาสดังกล่าว
  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเดินทางไปร่วมงานฟุตบอลกระชับมิตร 75 ปี ไทย - กัมพูชา
  • ในวันที่วันที่ 7 - 9 มีนาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางเยือนกัมพูชา เพื่อเป็นประธานงานฟุตบอลกระชับมิตร Dhamma Century Cup ฉลองความสัมพันธ์ 75 ปี ไทย-กัมพูชา ร่วมกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568
  • นักฟุตบอลทั้งสองทีมจะประกอบไปด้วย ศิลปิน ดารา นักมวย influencers และ ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติ ของทั้งไทยและกัมพูชา โดยงานจะจัดขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติโอลิมปิก กรุงพนมเปญ และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมมากถึง 30,000 คน
  • การจัดการแข่งขันดังกล่าว สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีกีฬา ธรรมมะ และวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ โดยเฉพาะในบริบทของประชาชนถึงประชาชน
  1. ความคืบหน้าในการเป็นเจ้าภาพ BIMSTEC Summit ครั้งที่ 6
  • กระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดระบบลงทะเบียนสื่อมวลชน ระหว่าง 4-15 มีนาคม 2568 โดยทั้งสื่อมวลชนทางการและสื่อมวลชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ตามขั้นตอนที่ปรากฏในเว็บไซต์ bimstecthailand.com หัวข้อ “ลงทะเบียนสื่อมวลชน” หรือ “Media registration”
  • ขอให้สื่อมวลชนที่สนใจลงทะเบียนในโอกาสแรก โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ไม่ได้พำนักในประเทศไทย เนื่องจากจะมีขั้นตอนการขอ visa ที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศก่อนเดินทางเข้าไทย
  • เมื่อกระบวนการลงทะเบียนได้รับการอนุมัติ ผู้ลงทะเบียนจะได้รับอีเมลตอบกลับยืนยันสถานะ “ลงทะเบียนสำเร็จ” ขอให้นำอีเมลฉบับดังกล่าว พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน มารับบัตรสื่อมวลชนเพื่อเข้าร่วมการประชุมได้ที่ กระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 1 เมษายน เวลา 00 -17.00 น. หรือที่ศูนย์สื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 2 - 3 เมษายน เวลา 08.30 - 17.00 น.
  • นอกจากนี้ ในวันที่ 3 เมษายน 2568 กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศร่วมกับกรมสารนิเทศ จะจัดกิจกรรมคู่ขนานในห้วงการประชุม เป็นงานเสวนาวิชาการภายใต้หัวข้อ “BIMSTEC Young Gen Forum: Where the Future Meets” ที่โรงภาพยนตร์ Major Cineplex โรง 2 ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้า ICON SIAM เป็นเวทีการพูดคุยของนักธุรกิจรุ่นใหม่หรือผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprise) ที่มีความโดดเด่นจากประเทศ BIMSTEC ประเทศละ 1 คน ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประเทศ BIMSTEC รวม 60 คน โดยจะเชิญผู้แทนกลุ่มคนรุ่นใหม่จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน วิชาการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อเป็นเวทีให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ในประเทศ BIMSTEC อายุระหว่าง 20 ถึง 45 ปี มีโอกาสได้นำเสนอวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศและความคิดเห็น โดยเน้นความท้าทาย โอกาส และแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค รวมถึงได้สร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในความร่วมมือหลัก 7 สาขาของ BIMSTEC
  1. การเยือนอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปสาธารณรัฐสโลวีเนีย
  • ระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคม 2568 นางตันยา ฟายอน (Tanja Fajon) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปสาธารณรัฐสโลวีเนีย จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐสโลวีเนีย โดยจะเป็นการเยือนไทยในระดับรัฐบาลของสาธารณรัฐสโลวีเนียครั้งแรก ในรอบ 19 ปี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสานต่อความสัมพันธ์อันดีและยาวนานระหว่างสองประเทศ
  • สโลวีเนียเป็นประเทศที่มีบทบาทเด่นด้านดิจิทัล เทคโนโลยีทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และโลจิสติกส์ และเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (หรือ United Nations Security Council: UNSC) วาระปี 2567 - 2568 ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขความขัดแย้งผ่านแนวทางการทูตและการเจรจา ผลักดันการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีสีเขียว ทั้งยังเป็นประเทศที่มีสตรีในตำแหน่งระดับสูงจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทนำของสโลวีเนียในการเสริมพลังสตรี (women’s empowerment) และการผลักดันความเสมอภาคทางเพศในเวทีพหุภาคี
  • ในวันที่ 13 มีนาคม 2568 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปสาธารณรัฐสโลวีเนียจะเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร่วมลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยกับสโลวีเนีย รวมทั้งเข้าร่วมการปาฐกถาพิเศษและการเสวนาในหัวข้อ “Women in Multilateralism”
  1. การช่วยเหลือคนต่างชาติที่ถูกชักชวนไปทำงานผิดกฎหมายในเมียนมา
  • กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมประสานงานสามฝ่ายระหว่างไทย จีน และเมียนมา ในการปราบปรามการหลอกลวงโทรคมนาคม และได้จัดแถลงข่าวแยกแล้ว เมื่อวันที 28 กุมภาพันธ์ 2568
  • เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศ โดยอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และรองอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ได้จัดการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวต่างชาติและกระบวนการการส่งกลับให้แก่สถานทูตของประเทศที่มีคนชาติที่ได้รับการปล่อยตัวจากเมียนมา เพื่อซักซ้อมกระบวนการส่งกลับคนชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • การดำเนินการดังกล่าวจะตั้งอยู่บนหลักการ 3 ข้อ ได้แก่
  • เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกการส่งกลับชาวต่างชาติตามรายชื่อที่ได้รับจากทางการเมียนมา และกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะจุดติดต่อทางการของฝ่ายไทย จะเป็นผู้ส่งรายชื่อดังกล่าวให้กับสถานทูตที่เกี่ยวข้อง
  • ฝ่ายไทยและเมียนมาจะอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างชาติเดินทางข้ามจากแม่สอดไปฝั่งเมียวดี เพื่อทำการตรวจสอบสัญชาติและออกเอกสารเดินทางสำหรับชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าว
  • ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ในพื้นที่ของฝ่ายไทย กระทรวงฯ ขอให้สถานทูตต่าง ๆ เร่งรัดกระบวนการส่งกลับประเทศต้นทางโดยทันทีเมื่อคนชาติของตนเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย ไม่ว่าทางบกหรือทางอากาศ
  • ในส่วนของขั้นตอนในการประสานงานเพื่อส่งกลับชาวต่างชาติ มี 4 ขั้นตอน ได้แก่
  • เมื่อกระทรวงการต่างประเทศเมียนมามีหนังสือแจ้งรายชื่อชาวต่างชาติที่รอการส่งกลับมาที่กระทรวงฯ แล้ว กระทรวงฯ จะมีหนังสือแจ้งสถานทูตที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบรายชื่อ และสถานทูตนั้น ๆ จะเป็นผู้ยืนยันกำหนดวันรับและส่งกลับชาวต่างชาติ และรูปแบบการส่งกลับ โดยต้องแจ้งให้กระทรวงฯ ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ การส่งกลับจะมีขึ้นทุกวันจันทร์-วันศุกร์ โดยจำกัดที่วันละไม่เกิน 300 คน
  • กระทรวงฯ จะแจ้งชื่อและข้อมูลติดต่อของผู้ประสานงานในพื้นที่ให้สถานทูตทราบเพื่อให้สถานทูตประสานงานและดำเนินการเกี่ยวกับรายละเอียดรูปแบบการส่งกลับกับหน่วยงานของฝ่ายไทยในพื้นที่ต่อไป
  • ในวันส่งกลับ สถานทูตต่างประเทศจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัวคนชาติของตนที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 โดยเมื่อชาวต่างชาติดังกล่าวเข้ามาฝั่งไทยแล้ว จะต้องผ่านกระบวนการ 4 ขั้นตอน (การคัดกรองโรค/กระบวนการ NRM แบบเร่งรัด/กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง/การสแกนสัมภาระตามพิธีศุลกากรของฝ่ายไทยโดยการดำเนินการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน
  • เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฝ่ายไทยติดตามกลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าวตลอดเส้นทางจนถึงสนามบินก่อนเดินทางออกจากไทย ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึงประเทศต้นทางแล้ว ฝ่ายไทยจะขอความร่วมมือประเทศ เหล่านี้ในการแบ่งปันข้อมูลการสอบสวนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยด้วย เพื่อใช้ประโยชน์ในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติต่อไป
  • การดำเนินการส่งตัวชาวต่างชาติกลับประเทศต้นทางยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่แล้วมีชาวอินโดนีเซียได้รับการส่งตัวกลับไปแล้วจำนวนหนึ่ง และวันนี้จะมีการส่งกลับชาวจีนที่ได้รับการปล่อยตัวจากเมียนมาอีกครั้ง และทั้งสองฝ่ายได้กำหนดให้มีการส่งกลับชาวจีนทุก ๆ วันพุธ วันพฤหัสฯ และวันศุกร์ของสัปดาห์

รับชมย้อนหลังที่: https://www.facebook.com/share/v/19zkYTK5DF/