สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
วันพุธที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ผ่าน Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ
๑. รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือวัคซีน Pfizer จำนวน ๑.๕ ล้านโดสให้ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔
- กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถขนส่งวัคซีนมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะสามารถจัดส่งวัคซีนได้ภายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อรับมอบและบริหารจัดการวัคซีนดังกล่าวในประเทศไทย
- กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินภารกิจสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ เพื่อแสวงหาวัคซีนมาเพิ่มเติมให้กับประเทศไทยผ่านการดำเนินการทางการทูต โดยได้ผลักดันการดำเนินความร่วมมือด้านวัคซีนและการขอรับวัคซีนอย่างเร่งด่วนจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
- การมอบความช่วยเหลือวัคซีนของสหรัฐฯ สะท้อนถึงมิตรภาพที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาความร่วมมือสำคัญในความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ โดยไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย และไทยขอบคุณสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่งสำหรับความช่วยเหลือที่มีความสำคัญสำหรับคนไทยในครั้งนี้
๒. การฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติผู้สูงอายุในไทย
๒.๑ การเปิดบริการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุ ๗๕ ปี ขึ้นไป
- กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนย้ำว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในความพยายามให้ชาวต่างชาติในไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง
- เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ กรมการกงสุล กรมควบคุมโรค และศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้เปิดบริการฉีดวัคซีนแบบ walk in ให้แก่ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุตั้งแต่ ๗๕ ปีขึ้นไป และที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-๑๙ มาก่อน ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ระหว่างเวลา ๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. โดยขอให้เตรียมหนังสือเดินทางและหลักฐานการมีถิ่นพำนัก เช่น วีซ่า ใบยืนยันการมีถิ่นที่อยู่ ใบอนุญาตทำงาน
- เมื่อเดินทางถึงสถานีกลางบางซื่อ ขอให้ใช้ประตู ๒ ๓ หรือ ๔ ร่วมกับบุคคลทั่วไป และรักษามาตรการป้องกันโรค ทั้งนี้ การเปิดฉีดวัคซีนจะจำกัดจำนวนในแต่ละวัน แต่จะดำเนินการต่อเนื่อง จึงขอให้ทยอยเดินทางมาตามความสะดวกได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะจัดล่ามอาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่สถานีกลางบางซื่อด้วย
- ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ชาวต่างชาติที่อายุ ๗๕ ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ๗๓ คน
๒.๒ การฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป
- ชาวต่างชาติที่มีอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไปและมีถิ่นพำนักในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยขอให้ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านระบบของกรมการกงสุล ที่ลิงก์ https://forms.gle/ULAqvx8eiDoX3v5Q9
- เมื่อลงทะเบียนแล้ว จะได้รับข้อความ SMS หรืออีเมล์แจ้งให้ไปฉีดตามวัน/เวลา วันละประมาณ ๓๐๐ คน โดยขอให้เตรียมหนังสือเดินทางและหลักฐาน การมีถิ่นพำนักไปแสดง ณ จุดบริการฉีดวัคซีน และขอให้ใช้ประตู ๒ ทั้งนี้ สำหรับชาวต่างชาติที่ถิ่นพำนักในจังหวัดอื่น สามารถติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลในจังหวัดที่อาศัยอยู่
- หลังจากเปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ มีชาวต่างชาติที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ลงทะเบียนแล้ว ๖๒๗ คน (สถานะ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๕๐ น.)
English version
- Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs, Department of Disease Control, and the Central Vaccination Center - Bangsue Grand Station have launched vaccination services for foreigners residing in Thailand, as follows
- Walk-in vaccination service for foreigners aged 75 and over
- The walk-in vaccination service started from 19 July 2021 onwards for foreigners aged 75 and over who are residing in Thailand and have yet to receive any COVID-19 vaccines every day between 9:00 – 16:00 hrs. at Gate 2, 3 and 4, the Central Vaccination Center – Bangsue Grand Station. Those receiving vaccines must present their passports as well as proof of residence, eg. Visa, permanent residence card, or work permit on the day of vaccination.
- COVID-19 preventive measures should be strictly observed. Those receiving vaccines can arrive at the site within opening hours as per their convenience.
- Pre-registered vaccination service for foreigners aged 60 and over who reside in Bangkok and five surrounding provinces, or in the dark-red zone.
- Foreigners aged 60 and over who are residing in Bangkok and neighboring provinces (Nakhon Pathom, Nonthaburi, Pathum Thani, Samut Prakarn and Samut Sakhon) who have never received COVID-19 vaccination can register by filling in the online Google form at https://forms.gle/ULAqvx8eiDoX3v5Q9
- Registered individuals will be notified of appointment details directly via sms/email within 2 days after completion of registration.
- Pre-registered vaccination service for this group of foreigners will be open every day between 9:00 – 16:00 hrs. at Gate 2, the Central Vaccination Center – Bangsue Grand Station.
๓. การปรับรายชื่อประเทศใน EU White List และมาตรการการเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ สำหรับคนไทย (เยอรมนี กรีซ สาธารณรัฐเช็ก และสเปน)
- เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับรายชื่อประเทศในกลุ่มประเทศที่สามที่ EU เห็นว่าปลอดภัยและควรได้รับการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทางเข้า หรือ EU White List โดยถอนประเทศไทยและรวันดาออกจากรายชื่อดังกล่าว และเพิ่มยูเครนเข้าไป ทำให้ปัจจุบันมี ๒๓ ประเทศ
- EU White List เป็นรายชื่อที่ EU จัดทำเพื่อแนะนำให้ประเทศสมาชิกเปิดให้บุคคลจากกลุ่มประเทศดังกล่าวเดินทางเข้าโดยไม่จำกัดวัตถุประสงค์ โดยระบุหลักเกณฑ์ไว้ว่า จะต้องเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน ๗๕ คนต่อประชากร ๑๐๐,๐๐๐ คน ในช่วง ๑๔ วันที่ผ่านมา และพิจารณาประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ภาพรวมมาตรการการรับมือการแพร่ระบาด และอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม EU White List ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถูกปรับออกเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ที่ผ่านมา
- มาตรการของอียูดังกล่าวเป็นเพียงข้อแนะนำให้ประเทศสมาชิกอียูพิจารณาปฏิบัติตาม โดยสมาชิกอียูแต่ละประเทศมีอำนาจเต็มในการกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศของตน ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางจากไทยเข้าประเทศสมาชิกอียู จำเป็นต้องตรวจสอบและดำเนินการตามมาตรการการเดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการปรับรายชื่อ EU White List ล่าสุด ดังนั้น ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://reopen.europa.eu หรือสถานเอกอัครราชทูตประเทศนั้น ๆ ประจำประเทศไทย
- ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการของประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป มีรายละเอียดดังนี้
๓.๑ เยอรมนี
- รัฐบาลเยอรมนี ประกาศให้ไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในระดับพื้นฐาน (Basic Risk Area) โดยกำหนดมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ดังนี้
- ผู้ไม่ใช่พลเมือง หรือมีถิ่นพำนักในสหภาพยุโรป ประเทศสมาชิกกลุ่มเชงเก้น ต้องแสดงเหตุผลจำเป็นเร่งด่วน อาทิ การเข้าประเทศเพื่อปฏิบัติราชการ ทำงาน เยี่ยมญาติกรณีเร่งด่วน หรือเป็นนักเรียน/นักศึกษา
(๑) กรณีเป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนในเยอรมนี (Pfizer, Moderna, AstraZeneca และ Johnson & Johnson) ครบเกณฑ์แล้วไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน สามารถเข้าเยอรมนีได้โดยไม่ต้องแสดงเหตุผล
(๒) ต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อย ๑๔ วันก่อนเดินทาง หรือ หลักฐานรับรองการหายป่วยจากเชื้อโควิด-๑๙ แล้วอย่างน้อย ๒๘ วันแต่ไม่เกิน ๖ เดือน หรือ ผลตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ ที่มีผลเป็นลบ (เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมัน) โดยหากเป็น Antigen test ต้องมีอายุไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมงก่อนเดินทาง ส่วนผลการตรวจแบบ RT-PCR ต้องมีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทาง
(๓) ผู้เดินทางต้องลงทะเบียนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.einreiseanmeldung.de
(๔) ผู้เดินทางต้องเดินทางจากสนามบินไปที่พักโดยตรง และทำการกักตัวในที่พักเป็นเวลา ๑๐ วัน ยกเว้นมีหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือหลักฐานรับรองการหายป่วยจากโควิด-๑๙ ตามระยะเวลาข้างต้น ทั้งนี้ หากสามารถยื่นหลักฐานผลการตรวจเชื้อโควิด-๑๙ ที่เป็นลบผ่านเว็บไซต์ลงทะเบียนออนไลน์ ภายหลังเดินทางเข้าประเทศได้ จะถือว่าสิ้นสุดการบังคับกักตัว
๓.๒ กรีซ
- กรีซได้ขยายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศจนถึงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และห้ามผู้เดินทางจากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เข้ากรีซ ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาประจำการ คณะผู้แทนของรัฐบาล บุคลากรด้านสาธารณสุขและนักวิจัยที่เข้ามาเพื่อทำงานร่วมกับฝ่ายกรีซ นักศึกษา ลูกจ้างต่างชาติทำงานตามฤดูกาลที่ได้รับใบอนุญาตเข้าประเทศแล้ว และผู้เดินทางเข้าด้วยเหตุผลทางอาชีพ เช่น ลูกเรือ พนักงานการบิน รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่องซึ่งต้องอยู่ในบริเวณรอต่อเครื่องเท่านั้น
๓.๓ สาธารณรัฐเช็ก
- กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีเขียวเช่นเดิม ทำให้ผู้เดินทางจากไทยสามารถเดินทางเข้าเช็กได้ตามปกติ แต่จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ ที่เป็นลบ (หากเป็น Antigen test ต้องมีอายุไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมงก่อนเริ่มเดินทางออกจากประเทศต้นทาง ส่วนผลการตรวจแบบ RT-PCR ต้องมีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเริ่มเดินทางออกจากประเทศต้นทาง) และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีกครั้งภายใน ๕ วัน หลังเดินทางเข้าประเทศ
- ผู้เดินทางที่ไม่มีใบอนุญาตพำนักในสาธารณรัฐเช็ก หรือใบอนุญาตพำนักระยะยาวในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรือมีวีซ่าระยะสั้นซึ่งออกก่อนวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ หรือมีวีซ่าที่ออกโดยประเทศสหภาพยุโรป สามารถยกเว้นผลตรวจได้ใน ๒ กรณี คือ
- เป็นผู้หายป่วยจากโควิด-๑๙ มาแล้วไม่เกิน ๑๘๐ วัน
- ได้รับวัคซีนครบโดสในประเทศสหภาพยุโรป เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๔ วันก่อนเดินทาง
๓.๔ สเปน
- กระทรวงสาธารณสุขสเปนเผยแพร่รายชื่อประเทศ/พื้นที่ ที่ไม่อยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงโรคโควิด-๑๙ โดยมีผลระหว่างวันที่ ๑๗ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยประเทศไทยยังไม่ถือเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง และไม่ถูกจำกัดการเดินทางเข้าสเปน
- ผู้เดินทางต้องติดตามประกาศของทางการสเปนต่อไป เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเข้าเมืองสำหรับคนไทยตามข้อกำหนดของอียู และต้องปฏิบัติตามมาตรการของทางการสเปน โดยต้องกรอกแบบฟอร์มข้อมูลการเดินทางก่อนเดินทางเข้าสเปน เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่สนามบินเมื่อเดินทางถึง
- สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://bit.ly/3ziikt7
๔. สถานการณ์อุทกภัยในยุโรป และการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่
- ตามที่เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยรุนแรงในพื้นที่ภาคตะวันตกของเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งได้รับการยืนยันขณะนี้ ๑๙๕ ราย และยังคงมีผู้สูญหายกว่า ๗๕๐ ราย โดยไม่มีรายงานคนไทยเสียชีวิตหรือสูญหาย
- สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ได้ประสานงานกับวัดไทย ๓ แห่ง และชุมชนไทยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ความช่วยเหลือ อาทิ แหล่งพักพิงชั่วคราว สนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค โดยนายสุวพงศ์ ศิริสรณ์ กงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ได้เข้าเยี่ยมชุมชนไทยในพื้นที่ ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๘ กรกฎาคม ดังนี้
- ตอนเหนือของรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ซึ่งมีคนไทยพำนักอยู่ประมาณ ๒๐๐ คน เป็นพื้นที่ทางตอนเหนือที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมสูงเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ
- ตอนใต้ของรัฐนอร์ดไรน์- เวสต์ฟาเลิน โดยเยี่ยมครอบครัวคนไทยในเมือง Eschweiler และ Stolberg ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยอย่างหนัก
- รัฐไรน์ลันด์-พฟัลช์ โดยเยี่ยมครอบครัวคนไทยในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำได้ลดระดับลงแล้ว ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าบ้านเรือนเพื่อทำความสะอาดและสำรวจความเสียหาย
- ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในระดับสูงในบริเวณ จ. Limburg ของเนเธอร์แลนด์ ทางการเนเธอร์แลนด์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ รวมถึงคนไทยในพื้นที่ประสบภัย ทั้งในขั้นตอนการอพยพ ขนส่งย้ายสิ่งของ การเตรียมสถานที่พำนักชั่วคราว โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ได้ประสานชุมชนไทยในพื้นที่ประสบเหตุแล้ว รับทราบว่าส่วนหนึ่งได้อพยพย้ายออกจากบ้านตามคำประกาศเตือนของทางการท้องถิ่น
๕. ประชาสัมพันธ์
๕.๑ กรมการกงสุล ปิดให้บริการชั่วคราว ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔
- ทั้งนี้ จะให้บริการเฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ได้แก่ การรับรองเอกสาร และการทำหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยสามารถติดต่อหมายเลข Call Center กรมการกงสุล ๐๒-๕๗๒-๘๔๔๒ ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมถึงติดตามข้อมูลล่าสุดที่ Facebook “กรมการกงสุล (ThaiConsular)”
๕.๒ รายการ Spokesman Live!!!
- วันศุกร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๐๐-๑๕.๓๐ น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. – Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หัวข้อ “BCG Economy โมเดลใหม่ เศรษฐกิจไทย” สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook “กระทรวงการต่างประเทศ” และ “Saranrom Radio”
๕.๓ รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
- วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๓๐ – ๐๘.๔๕ น. รายการ “บันทึกสถานการณ์” ทาง FM 5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นายเกริกภูมิ จิตรานุเคราะห์ นักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา) สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์/สำนักเลขาธิการเอเปค หัวข้อ “บทบาทของผู้แทนไทยในสำนักเลขาธิการเอเปค” สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ Facebook “สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย”
* * * * * *