สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 น.

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 ธ.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 4 ธ.ค. 2568

| 191 view

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนอินเดีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย - อินเดีย และหารือประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต

  • รัฐมนตรีฯ พบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย โดยหารือถึงแนวทางการขยายความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ในด้านความมั่นคง การค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม startups วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และอวกาศ รวมถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ เชิญอินเดียเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดระหว่างวันที่ 17 - 18 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพฯ

  • ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงนโยบายการต่างประเทศท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน โดยไทยพร้อมร่วมมือกับอินเดียในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการรวมตัวในภูมิภาคให้เข้มแข็ง อีกทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นยุทธศาสตร์ในภูมิภาคที่สนใจร่วมกัน โดยเฉพาะการสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างสันติภาพในเมียนมา และการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วยสันติวิธีและผลักดันให้กัมพูชาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน

  • ในการเยือนครั้งนี้ รัฐมนตรีฯ แลกเปลี่ยนมุมมองกับนักวิชาการอินเดียจากสถาบันคลังสมองต่าง ๆ ย้ำถึงนโยบายการต่างประเทศของไทยและอินเดียที่สอดรับกัน รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออก โดยมีอินเดียและไทยเป็นฟันเฟืองสำคัญ ตลอดจนความพยายามในการต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ร่วมกันและสถานการณ์ในภูมิภาค อีกทั้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอินเดียและสื่อมวลชนไทย รวม 4 สำนักข่าวด้วย

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางเยือนนครเจนีวา ในห้วงการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22
  • ในวันที่ 4 - 6 ธันวาคม 2568 รัฐมนตรีฯ เดินทางเยือนนครเจนีวา โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ครั้งที่ 22 เพื่อนำเสนอและชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งท่าทีของประเทศไทย ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา และพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

  • ในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 (พรุ่งนี้) รัฐมนตรีฯ จะกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ ภายใต้ระเบียบวาระข้อ 8 (Article 8) ของอนุสัญญาฯ ย้ำความมุ่งมั่นของไทยต่อการดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ และชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดพันธกรณีของอนุสัญญาฯ โดยกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้รับจากการตรวจสอบอย่างเป็นกลางและเป็นมืออาชีพ ทั้งจากหน่วยงานของไทยและกลไกอิสระ รวมถึงคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) และ International Campaign to Ban Landmines (ICBL)

  • ที่ผ่านมา ไทยได้ดำเนินการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ที่นอกจากจะเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวาแล้ว ยังเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และขัดต่อหลักการพื้นฐานสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ

  • ในการเยือนครั้งนี้ รัฐมนตรีฯ จะพบหารือกับบุคคลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง (1) หัวหน้าสำนักงานกิจการการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา (2) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 และ (3) ผู้แทนระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งรัฐมนตรีฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างอาหารค่ำกับผู้แทนระดับสูงของประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นสิทธิมนุษยชน และแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน รวมถึงการแก้ไขปัญหา online scams โดยเชิญผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย

 

  1. ความคืบหน้าศูนย์ประสานงานช่วยเหลือคนต่างชาติที่ ประสบอุทกภัยภาคใต้
  • กระทรวงการต่างประเทศได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือคนต่างชาติที่ประสบอุทกภัยภาคใต้” ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เพื่อประสานงานและรวบรวมข้อเสนอการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ รวมทั้งการขอความช่วยเหลือคนต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้

  • ศูนย์ประสานงานฯ ได้รับแจ้งจากฝ่ายต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือคนชาติที่ได้รับผลกระทบจากกรณีอุทกภัยในภาคใต้ ประมาณ 800 คน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน โครเอเชีย ฮังการี บังกลาเทศ ภูฏาน แอฟริกาใต้ สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ และจอร์แดน ซึ่งศูนย์ประสานงานฯ ประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นในการช่วยเหลือทั้งหมดแล้ว

  • ถึงแม้ไทยไม่ได้ประกาศขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศอย่างเป็นทางการ แต่มีมิตรประเทศจำนวนมากที่เสนอให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ หากไทยประสงค์ ซึ่งขณะนี้ มีทั้งที่ได้ดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น
  1. องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JICA) มอบการสนับสนุนสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ เต็นท์ แผ่นรองนอน ผ้าห่ม แผ่นพลาสติก ถังน้ำ และเครื่องกรองน้ำ ซึ่งได้มอบแก่นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568

  2. เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยและผู้แทนบริษัท Human Tech (เกาหลีใต้) มอบเงินบริจาคจำนวน 1 ล้านบาท โดยได้มอบแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568

  3. เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้มอบเงินและสิ่งของบริจาคจากสมาคมและองค์กรต่างๆ ของจีนทั้งในประเทศไทยและในจีน เป็นเงินบริจาคเข้ากองทุนกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี 32 ล้านบาท และความช่วยเหลืออีก 30 ล้านบาท โดยได้มอบแก่นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568

  4. ผู้บริหาร Changi Regional HADR Coordination Centre มอบความช่วยเหลือที่จำเป็น อาทิ เต็นท์ ชุดเวชภัณฑ์ น้ำ และอาหารแห้ง ซึ่งได้มอบแก่ผู้บัญชาการทหารอากาศ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568

  • ทั้งนี้ มีอีกหลายประเทศและองค์การระหว่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานของไทยในการประเมินความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความต้องการของพื้นที่

  • ประเทศไทยขอขอบคุณมิตรประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และเอกชนต่างประเทศ ที่แสดงไมตรีจิตในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งศูนย์ประสานงานฯ จะรวบรวมข้อเสนอความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อให้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) พิจารณาต่อไป

 

  1. กิจกรรมสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศในห้วงสัปดาห์หน้า

      4.1 งาน The Relaunching of the Thailand - Africa Initiative (TAI)

  • ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 กระทรวงฯ จะจัดกิจกรรม The Relaunching of the Thailand - Africa Initiative (TAI) ที่ รร. สุโกศล โดยรัฐมนตรีฯ จะประกาศการดำเนินนโยบายของไทยต่อภูมิภาคแอฟริกา พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับองค์กร AfricaRice โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยคณะทูต ผู้แทนระดับสูงจากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทยที่เกี่ยวข้อง

      4.2 งานวันหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสากล ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Sustaining Universal Health”

  • ในวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 กระทรวงฯ จะจัดงานวันหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสากล ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Sustaining Universal Health Coverage: Global Governance and Local Effort” โดยรัฐมนตรีฯ จะเป็นประธานเปิดงาน และจะมีการสัมมนาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างยั่งยืน โดยผู้เชี่ยวชาญจากไทยและต่างประเทศ และมีคณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศในประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายเยาวชนเข้าร่วมงาน

 

  1. การเยือนไทยของรองเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยมีนางสาวรุจิกร แสงจันทร์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ร่วมแถลงข่าวในเรื่องนี้ด้วย
  • ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 นาย František Ruzicka รองเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) จะนำคณะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่อถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในกระบวนการสมัครเป็นสมาชิก OECD ของไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรับมอบเอกสารบันทึกเบื้องต้น (Initial Memorandum - IM) จากฝ่ายไทยอย่างเป็นทางการ ที่จะทำให้ไทยเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปของกระบวนการสมัครเป็นสมาชิก OECD ในทันทีและแสดงให้เห็นว่า ไทยเดินหน้าแบบมีผลสัมฤทธิ์จริง

  • ขั้นตอนการทบทวนเชิงเทคนิค (Technical Review) เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของการสมัครสมาชิกและเป็นสัญญาณชัดเจนว่า OECD มองเห็นศักยภาพและความมุ่งมั่นของไทยในการก้าวสู่ระบบกฎกติกาที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย OECD จะเริ่มตรวจสอบเชิงลึกในทุกสาขา พร้อมหารือกับหน่วยงานไทยในการปรับปรุงกฎหมาย นโยบาย และมาตรฐาน ซึ่งเป็นระยะที่ไทยจะได้ประโยชน์สูงสุดจากองค์ความรู้ของ OECD โดยไทยจะได้รับคำแนะนำเชิงลึกเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และมาตรฐานตามแนวทางสากล โดยเอกสารบันทึกเบื้องต้น (IM) เป็นเอกสารประเมินความพร้อมของไทยในทุกด้าน ครอบคลุมกฎหมาย นโยบาย และมาตรฐานในทุกสาขาที่ OECD จะใช้พิจารณา ถือเป็น “รายงานภาพรวมประเทศ” ที่แสดงให้เห็นว่า ไทยพร้อมเดินหน้าปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกับสากล

  • ระหว่างการเยือน รองเลขาธิการ OECD จะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือความร่วมมือและการพัฒนานโยบายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล พร้อมทั้งพบกับผู้แทนระดับสูงจากภาคเอกชน ภาคแรงงาน และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรับฟังมุมมองต่อกระบวนการ OECD และบทบาทของไทยในขั้นตอนต่อไป ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมและการสัมมนาบางส่วนที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของ OECD และความก้าวหน้าของไทยในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก

  • หากไทยได้เป็นสมาชิก OECD ไทยจะเป็นผู้ร่วมกำหนดกติกาเศรษฐกิจโลกร่วมกับประเทศชั้นนำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งความน่าเชื่อถือของประเทศ การลงทุนที่โปร่งใส การทำธุรกิจที่ง่ายขึ้น การศึกษาและทักษะที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรฐานคุณภาพชีวิตในหลายมิติ

 

  1. อิสราเอลพบร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายในกาซา
  • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ธันวาคม 2568 (วันนี้) ว่า กลุ่ม Palestinian Islamic Jihad (PIJ) ร่วมกับกลุ่มฮามาสส่งร่างตัวประกัน 1 ใน 4 รายที่เหลือให้อิสราเอล ผ่านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วพบว่า เป็นร่างนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ซึ่งเป็นร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายในกาซา ทั้งนี้ นายสุทธิศักดิ์ฯ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 (วันที่เกิดเหตุการณ์) และถูกนำร่างเข้าไปในกาซา

  • เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทรศัพท์แจ้งข่าวดังกล่าวให้แก่มารดาของนายสุทธิศักดิ์ฯ แล้ว พร้อมแจ้งว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ของอิสราเอล ส่งร่างนายสุทธิศักดิ์ฯ กลับประเทศไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาโดยเร็วที่สุด

  • ตัวประกันชาวไทยทั้ง 31 ราย ได้รับการปล่อยตัวหมดแล้ว โดยได้รับการปล่อยตัวขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ 28 ราย และเป็นผู้เสียชีวิต 3 ราย ประเทศไทยขอขอบคุณอิสราเอลเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเจรจานำตัวประกันชาวไทยให้ได้กลับบ้านตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงมิตรประเทศทุกฝ่ายที่ได้ให้การช่วยเหลือในการเจรจาดังกล่าวจนทำให้คนไทยทุกคนได้กลับสู่มาตภูมิได้เป็นผลสำเร็จ

 

สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://fb.watch/DMUCWIHSP4/

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ