วันที่นำเข้าข้อมูล 5 ต.ค. 2566
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 ต.ค. 2566
คำกล่าวของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในหัวข้อ Thailand’s Challenges: How to thrive in the rising geopolitical uncertainty
ในการบรรยายพิเศษ งาน Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today
วันพุธที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๖.๐๐ น.
ณ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม ชั้น ๑๐ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทางกลุ่มเนชั่น และก็ทางกรุงเทพธุรกิจที่ได้ให้เกียรติเชิญมาบรรยายในวันนี้นะครับ หัวข้อที่ได้รับมอบหมายนี้ก็คือ Thailand’s Challenges: How to thrive in the rising geopolitical uncertainty นะครับ ก็เป็นเรื่องที่ทันสมัย และเป็นเรื่องที่ชาวโลกติดตามกันอยู่นะครับ
สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านนะครับ ผมในนามของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่ยิ่งที่ได้มาพบปะและได้มารับฟังจากกูรูทางด้านเศรษฐกิจ และกูรูทางด้านธุรกิจ
ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งมากครับ
วันนี้เชื่อว่าทุกท่านได้รับฟังมุมมองที่หลากหลายจากท่านนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากภาครัฐ และภาคเอกชน เกี่ยวกับการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในฐานะที่ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผมขอนำเสนอมุมมองของการดำเนินการการต่างประเทศไทยที่จะช่วยในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เราได้พูดกันในวันนี้
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมขอย้ำว่า การต่างประเทศของไทยต้องมองไปข้างหน้าและครอบคลุมหลายมิติ เพื่อสร้างรายได้และแก้ปัญหาให้ประชาชน ทำให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการรับมือกับความท้าทาย โดยการทูตจะต้องเป็นของทุกคน เพื่อทุกคน และเปิดกว้างให้ทุกคนมีส่วนร่วม นำไปสู่ประโยชน์ที่จับต้องได้ และเติมเต็มให้นโยบายภายในของไทยในทุกมิติ
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ โลกวันนี้มีหลายขั้วอำนาจที่แข่งขันกันอยู่ ทั้งด้าน geo-politics ด้าน geo-economy และที่สำคัญที่เราจะละเลยไม่ได้ก็คือ ด้าน geo-technology โดยการแข่งขันดังกล่าวเป็นทั้งโอกาส และเป็นทั้งความท้าทายไปในตัว
ความท้าทายประการแรก คือ หลาย ๆ ประเทศอยู่ภายใต้แรงกดดันให้เลือกข้าง โดยมีการโยกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่เป็นพันธมิตรหรือที่เราเรียกกันว่า friend-shoring นะครับ คือการ “หาพวกของเรา” และ “กีดกันพวกเขา” นำมาซึ่งกรอบความร่วมมือแบบที่เป็นกลุ่ม หรือ bloc ต่าง ๆ ที่เราเห็นกันอยู่
ประการถัดมาคือ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาหนี้ การลดบทบาทเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุ SDGs ซึ่งในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ สมัยที่ ๗๘ เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีและผมได้เข้าร่วม ก็ได้หยิบยกประเด็นขึ้นหารือกันอย่างกว้างขวาง
ความท้าทายสำคัญเรื่องต่อมาคือ การแข่งขันทางเทคโนโลยีที่ได้กล่าวไปแล้ว ทั้งการแย่งชิงวัตถุดิบที่สำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยี การจัดเก็บและบริหารข้อมูล และความมั่นคงทางไซเบอร์
และสุดท้าย -- climate change ซึ่งเป็นประเด็นข้อกังวลร่วมกันของประชาคมโลก แต่ในขณะเดียวกัน นำไปสู่การสร้างมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของบางประเทศ ที่อาจกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
คำถามสำคัญคือ การทูตเศรษฐกิจของไทยควรเป็นอย่างไร ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้
การทูตเศรษฐกิจจะต้องช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองและสร้างดุลยภาพในการดำเนินความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศต่าง ๆ และต้องช่วยกระจายความเสี่ยงในด้านเศรษฐกิจหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Economic Diversification” โดยสนับสนุน ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว พลังงานทดแทน บริการด้านดิจิทัล และเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เพื่ออะไรนะครับ ก็เพื่อสร้างงานใหม่ ๆ ไม่พึ่งพิงเศรษฐกิจที่เป็นเศรษฐกิจเดิม ๆ อยู่ โดยผ่านการมีความสัมพันธ์กับประเทศที่มีอิทธิพลด้านการเมืองและเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งเป็นคู่ค้าและนักลงทุนที่สำคัญของไทย เช่น จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอินเดีย
ขณะเดียวกัน ไทยก็ต้องเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์กับประเทศที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยด้วย เช่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตุรกี
ไทยต้องเร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการขยายหุ้นส่วนกับต่างประเทศ ทั้งด้านการผลิต บริการ การวิจัยและพัฒนา เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจไทย พัฒนาโครงสร้างและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
นอกจากนั้นแล้ว ไทยต้องผนึกกำลังร่วมกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย เรากำลังอยู่ใน “ศตวรรษแห่งเอเชีย” ซึ่งภูมิภาคนี้เป็นทั้งศูนย์กลางการผลิตที่มีแรงงานที่มีศักยภาพ มีบทบาทในการเป็นนักลงทุนออกไปลงทุนในต่างประเทศ และกำลังก้าวขึ้นเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่จะทำให้เราเป็นศูนย์กลางแห่งการเจริญเติบโตของโลกในอนาคต
ไทยจะต้องสนับสนุนให้เอเชียมีเสถียรภาพ ไม่ใช่เวทีในการเผชิญหน้า แต่เป็นภูมิภาคแห่งความร่วมมือแห่งความสงบ และที่สำคัญ ไทยสนับสนุนให้อาเซียนเข้มแข็ง มีเอกภาพ และเป็นแกนกลางของความร่วมมือในภูมิภาค
ส่วนที่เป็นหน้าด่านของการดำเนินนโยบายการทูตเศรษฐกิจของไทย คงหนีไม่พ้นประเทศเพื่อนบ้านของเรา เพราะการสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน คือผลประโยชน์โดยตรงของพี่น้องประชาชน ล่าสุด ท่านนายกรัฐมนตรีได้เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการและได้หยิบยกประเด็นการค้าข้ามแดนเป็นหนึ่งประเด็นในข้อหารือ
ในการนี้ ผมอยากจะเน้นย้ำแนวทางการขับเคลื่อนการทูตเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม
หนึ่ง ไทยจะใช้การทูตเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก สอดคล้องกับค่านิยมสากล ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และแสดงความพร้อมที่จะร่วมรับผิดชอบเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขความท้าทายร่วมของมนุษยชาติ อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สอง ไทยใช้การทูตเศรษฐกิจเป็น “หัวหอก” ของการทูตยุคใหม่ คือ เราจะต้องหาโอกาสใหม่ ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการรวมทั้งคนรุ่นใหม่ ๆ การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ซึ่ง BOI ได้มีนโยบายในการให้วีซ่าระยะยาวแก่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวแล้ว
ไทยจะให้ความสำคัญกับประเด็นอุบัติใหม่ เช่น เศรษฐกิจสีน้ำเงินที่เกี่ยวข้องกับทะเล การกำหนดกฎระเบียบระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับเทคโนโลยี เช่น AI
ไทยจะเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับ OECD เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาล การประกอบธุรกิจ และการเปลี่ยนผ่านสีเขียว
ไทยจะเร่งการเจรจา FTA ที่ยังมีความคืบหน้าไปน้อย โดยเฉพาะ FTA ที่มีมาตรฐานสูง เช่น กับสหภาพยุโรป
สาม ไทยจะขยายพันธมิตรทางเศรษฐกิจ ผ่านกรอบความร่วมมือทุกระดับ โดยเฉพาะกรอบที่ไทยเป็นผู้ริเริ่มในการก่อตั้ง เช่น ACD ACMECS และ BIMSTEC ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นประธาน รวมทั้งมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มของประเทศกำลังพัฒนาที่เรียกว่า BRICS อย่างต่อเนื่อง
สี่ ไทยจะขับเคลื่อนการทูตเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการหารือเพื่อหาข้อสรุปกับทุกภาคส่วนในประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นข้างต้นที่ไทยจะต้องยกเครื่องและเรียนรู้
กระทรวงการต่างประเทศมีสำนักงานในต่างประเทศถึง ๙๗ แห่ง ซึ่งทำงานร่วมกับภาคส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ภายใต้กลไก “ทีมประเทศไทย” ในปลายปีนี้ ผมจะเชิญเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลกมาประชุมระดมสมองร่วมกัน เพื่อวางแผนและวางแนวทางขับเคลื่อนงานด้านการต่างประเทศร่วมกับทุกภาคส่วนและเครือข่ายของประเทศไทย ให้ตอบสนองต่อความท้าทายในปัจจุบัน
ขออนุญาตย้ำนะครับว่า นโยบายต่างประเทศจะต้องสอดคล้องและส่งเสริมนโยบายภายในประเทศของรัฐบาล เพื่อปากท้อง ความกินดีอยู่ดี มีงานทำ และส่งเสริมให้ไทยกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของการเมืองและเศรษฐกิจโลกอย่างภาคภูมิ ให้ภาคธุรกิจของไทยสามารถเติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในบทบาทของประเทศไทยและคนไทย
ขอบคุณมากครับ
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **