เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เอกอัครราชทูต อรุณรุ่ง โพธิ์ทอง ฮัมฟรีย์ส เป็นประธานในงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสวันกองทัพไทยปี ๒๕๖๘ ณ Skyddsrummet กรุงสตอกโฮล์ม โดยมีนาย Pål Jonson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เป็นแขกเกียรติยศ งานดังกล่าวจัดโดยนาวาอากาศเอก พุทธพงศ์ ผลชีวิน ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศและรักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประจำสถานเอกอัครราชทูตฯ ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สตอกโฮล์ม ผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมสวีเดน กองทัพอากาศสวีเดน ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศต่างๆ และผู้แทนภาคธุรกิจสวีเดน เช่น บริษัท Saab

ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสวีเดนที่มีมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๖๘ ความร่วมมือระหว่างกันในหลากหลายมิติที่รวมถึงความร่วมมือด้านกลาโหมซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นหุ้นส่วนที่มีคุณค่าและน่าเชื่อถือระหว่างกัน โดยความเป็นหุ้นส่วนนี้หยั่งลึกอย่างแน้นแฟ้นทั้งในระดับราชวงศ์และระดับประชาชน ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศที่ยึดหลักกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ การรวมกลุ่มในภูมิภาคและพหุภาคี นำไปสู่ความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นประโยชน์ต่อไทยและสวีเดน โดยในส่วนของความร่วมมือด้านกลาโหมนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพทางทหาร ยังช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเทคโนโลยีสีเขียว และถ่ายทอดองค์ความรู้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดิจิทัลและนวัตกรรม ความร่วมมือด้านกลาโหมจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนที่มีคุณค่าและน่าเชื่อถือระหว่างไทยกับสวีเดน เสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นนำไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและมั่งคั่งของทั้งสองประเทศในอนาคต และเอื้อต่อสันติภาพและความมั่นคงในอินโดแปซิฟิกด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดนกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับสวีเดนกว่า ๑๕๗ ปี โดยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดคือความสัมพันธ์ระดับประชาชนกับประชาชน เห็นได้จากชุมชนไทยในสวีเดนที่มีมากกว่า ๘๐,๐๐๐ คน มีขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของยุโรป และการที่ชาวสวีเดนเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คนต่อปี ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้เป็นรากฐานสำคัญของความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างไทยกับสวีเดน

รัฐบาลสวีเดนได้ออกแนวนโยบายด้านกลาโหมฉบับใหม่สำหรับความร่วมมือกับหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๐๒๔ เพื่อเสริมสร้างความความร่วมมือระหว่างสวีเดนกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยในการป้องกันความมั่นคงในภูมิภาคยูโรแอตแลนติก เนื่องจากความท้าทายที่สวีเดนเผชิญนั้นเกี่ยวโยงกับภูมิภาคอื่น ดังนั้น การดำเนินความร่วมมือกับหุ้นส่วนที่มีความสนใจด้านกลาโหมร่วมกันในภูมิภาคอื่นจึงเป็นสิ่งที่สวีเดนให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด หนึ่งในความร่วมมือด้านกลาโหมที่สำคัญระหว่างไทยกับสวีเดนคือการที่กองทัพอากาศไทยตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen ของสวีเดน ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือระหว่างกันแล้ว ยังจะช่วยสร้างประโยชน์ทางอุตสาหกรรมให้แก่คนไทย ในสาขาต่าง ๆ ทั้งการศึกษา และวิจัย พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีเกษตรกรรม

ภายในงานได้มีการจัดแสดงวีดิทัศน์เกี่ยวกับการสวนสนามของทหารไทย การจัดแสดงศิลปะมวยไทย รวมถึงอาหารและขนมไทยจากทำเนียบเอกอัครราขทูตฯ นอกจากนี้ ผู้จัดงานได้เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมกันแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์กราดยิงที่เมือง Örebro เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ด้วย