โครงการนำคณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรสทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพและความสำเร็จของประเทศไทย ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี ๒๕๖๗ ณ จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

โครงการนำคณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรสทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพและความสำเร็จของประเทศไทย ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี ๒๕๖๗ ณ จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ก.พ. 2567

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 ก.พ. 2567

| 3,055 view

ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรส จำนวน ๖๐ คน จาก ๔๐ ประเทศ เดินทางไปทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพและความสำเร็จของประเทศไทยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี ๒๕๖๗ ณ จังหวัดเชียงราย

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ รวมทั้งเพื่อให้คณะทูตฯ ได้ประจักษ์ถึงคุณูปการและพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยระหว่างการเยือนจังหวัดเชียงราย คณะทูตฯ ได้ศึกษาดูงานโครงการในพระราชดำริและโครงการสำคัญในพื้นที่ ดังนี้

๑. ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน (CLM) ดอยอินทรีย์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่น้อมนำแนวทางการพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักทฤษฎีใหม่ที่ประสบความสำเร็จและมีผลเป็นรูปธรรมของศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 มาประยุกต์ใช้โดยใช้ทรัพยากรในพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในท้องถิ่น โดยคณะทูตฯ ได้รับฟังการบรรยายสรุปและเยี่ยมชมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง (อารยเกษตร) ห้องเรียนเปลี่ยนโลก โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน โครงการธนาคารขยะ และโรงน้ำแร่ธรรมชาติ รวมทั้งได้เยี่ยมชมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคจากเครือข่ายโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน จังหวัดเชียงราย

๒. โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ชุมชนบ้านร่องบอน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยคณะทูตฯ ได้รับทราบการดำเนินงานของทุกภาคส่วนของประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคอร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน ค.ศ. ๒๐๖๕ โดยเฉพาะข้อริเริ่มของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการสำรวจและดูแลพื้นที่ป่าเพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์และจัดทำเป็นฐานข้อมูลปริมาณการกักเก็บคาร์บอนฯ แก่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อจำหน่ายแก่ภาคเอกชนที่ประสงค์รับคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

๓. โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยคณะทูตฯ ได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งมีคนเป็นศูนย์กลาง โดย ม.ล. ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิฯ และร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับชุมชนท้องถิ่นในประเด็นการพัฒนาสู่ความยั่งยืน การสร้างผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน และการต่อยอดธุรกิจจากวัตถุดิบในท้องถิ่น รวมทั้งร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์และการพัฒนาอาชีพของโครงการพัฒนาดอยตุงซึ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ Zero Waste to Landfill นอกจากนี้ คณะทูตฯ ได้เยี่ยมชมสวนแม่ฟ้าหลวงหรือสวนดอยตุง ซึ่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีพระประสงค์ให้ปลูกสวนดังกล่าวสำหรับประชาชนที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศได้รู้จักและชื่นชมดอกไม้ที่แปลกตาแตกต่างจากที่พบเห็นโดยทั่วไปในท้องถิ่น

นอกจากนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลกโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) เมื่อปี ๒๕๖๖ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกันจัดกำหนดการเยี่ยมชมงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ “Thailand Biennale, Chiang Rai 2023” ภายใต้แนวคิด “เปิดโลก” โดยนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้นำคณะทูตเยี่ยมชมผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินรุ่นใหม่ทั่วโลกที่จัดแสดง ณ ไร่แม่ฟ้าหลวง นอกจากนี้ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ได้นำคณะทูตฯ เยี่ยมชมนิทรรศการฯ ณ หอศิลป์ร่วมสมัย และให้เกียรติเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะทูตฯ ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

คณะทูตฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ต่างประทับใจที่ได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยนอกจากประจักษ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ไทยต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตพสกนิกรชาวไทยผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในหลายสาขาแล้ว คณะทูตฯ ยังได้เพิ่มพูนความเข้าใจเกี่ยวกับการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งขับเคลื่อนวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติในทุกภาคส่วน รวมทั้งความพร้อมและความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนามนุษย์ (Human Development) และการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและให้ความดูแลกับกลุ่มเปราะบางโดยการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council – HRC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๗  นอกจากนี้ คณะทูตฯ ยังได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดเชียงรายหลากหลายแง่มุม ทั้งด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งได้สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการใช้พลังสร้างสรรค์ หรือ soft power เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสถานะและบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยคณะทูตต่างก็ชื่นชมการแสดงทางวัฒนธรรมมวยไทยล้านนาและแฟชั่นโชว์ล้านนาซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดมาแสดงระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ

อนึ่ง กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินโครงการนำคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยและคู่สมรสเดินทางไปทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความผูกพันของสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างโอกาสให้คณะทูตฯ ได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอัตลักษณ์ท้องถิ่นของไทย รวมทั้งเปิดโอกาสให้คณะทูตฯ ได้ใกล้ชิดและสานสัมพันธ์กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง

* * * * *

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ