สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันศุกร์ที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันศุกร์ที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ต.ค. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 ต.ค. 2566

| 5,396 view

สรุปแถลงข่าวประจำสัปดาห์

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันศุกร์ที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook live กระทรวงการต่างประเทศ

 

๑. การเยือน สปป. ลาว อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (๓๐ ต.ค. ๖๖) 

  • นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) อย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๓๐ ต.ค. ๒๕๖๖ ตามคำเชิญของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว โดย รนรม./รมว.กต. จะร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
  • การเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสานต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดรวมทั้งเน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างไทยกับ สปป. ลาว
  • ในระหว่างการเยือน นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว รวมทั้งจะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป. ลาว และเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และพบหารือกับนายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว
  • นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานร่วมกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ในพิธีเปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คําสะหวาด) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสองประเทศ ผ่านสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.)
  • ในส่วนของ รนรม./รมว.กต. มีกำหนดพบหารือกับนายสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว เพื่อติดตามประเด็นทวิภาคีและภูมิภาคในช่วงเช้าที่ นรม. ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้ โดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงรวมถึงการเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว ในปีหน้า
  • ในช่วงบ่าย รนรม./รมว.กต. มีกำหนดไปเยี่ยมชมเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ (Vientiane Logistics Park) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญต่อการขนส่งสินค้าทางรางจากไทยไปยังจีน และพบกับนักธุรกิจไทยที่ลงทุนใน สปป. ลาว เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป. ลาว

 

๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ   

  • ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ต.ค. ๒๕๖๖ รนรม./รมว.กต. ได้เดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายบุ่ย แทงห์ เซิน รมว.กต. เวียดนาม ในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเวียดนามในปีนี้ และเป็นการเยือนทวิภาคีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ รนรม./รมว.กต.
  • เมื่อวันที่ ๒๕ ต.ค. ๒๕๖๖ รนรม./รมว.กต. เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ ดังนี้
    • (๑) การเข้าเยี่ยมคารวะนายฝ่าม มิงห์ จ๋ิงห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เพื่อหารือเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ความร่วมมือในกรอบภูมิภาค โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และกรอบความร่วมมืออาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีไทยเยือน และเสนอจัดประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามในปี ๒๕๖๗
    • (๒) การพบหารือกับนายเล หว่าย จุง ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เพื่อหารือความเป็นหุ้้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยประธานสภาแห่งชาติของเวียดนามจะเยือนไทยอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้
    • (๓) การพบหารือผู้แทนหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม ซึ่งภาคเอกชนได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดเวียดนาม และ รนรม./รมว.กต. ได้ขอให้ฝ่ายเวียดนามช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทย ซึ่งฝ่ายเวียดนามได้ตอบรับบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
    • (๔) การเข้าร่วมงานเปิดตัวการกลับมาให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮานอย และกรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ ของสายการบินไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ต.ค. ๒๕๖๖
  • เมื่อวันที่ ๒๖ ต.ค. ๒๕๖๖ รนรม./รมว.กต. ได้พบหารือกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รมว.กต. เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเตรียมการสำหรับการยกระดับความสัมพันธ์จากหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน (ซึ่งไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน) การจัดเตรียมการเยือนเวียดนามของ นรม. และการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามในปี ๒๕๖๗ การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในระดับ ปชช. การเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดกับจังหวัด รวมทั้งการเสริมสร้างความเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบกและทางชายฝั่งทะเลในภูมิภาค ในโอกาสนี้ รนรม./รมว.กต. ได้เชิญ รมว.กต. เวียดนาม เยือนไทยอย่างเป็นทางการต่อไปด้วย
  • ฝ่ายเวียดนามยังได้แสดงความเสียใจต่อผลกระทบจากเหตุการณ์ในอิสราเอลต่อแรงงานไทย

๓. การประชุม OECD Southeast Asia Ministerial Forum 2023 ที่กรุงฮานอย

  • เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม OECD Southeast Asia Ministerial Forum ๒๐๒๓ ที่กรุงฮานอย และได้เป็นผู้นำการหารือในหัวข้อ “ทิศทางการลงทุนของโลก: ศักยภาพใหม่ ๆ สำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนและมีคุณภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
  • นอกจากนี้ ในห้วงการประชุมฯ ยังได้พบหารือกับนายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการ OECD เพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง OECD กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเข้าเป็นสมาชิก OECD ในอนาคต
  • OECD มีสมาชิก ๓๘ ประเทศ และมีประเทศหุ้นส่วนในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน ไทยมีความร่วมมือกับ OECD ภายใต้โครงการ OECD-Thailand Country Programme ระยะที่ ๒ เน้นด้านการประกอบธุรกิจ การลงทุน การส่งเสริมความยั่งยืน ความโปร่งใส ธรรมาภิบาล นโยบายการแข่งขัน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านนโยบายการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
  • ไทยอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ในอนาคต เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว

๔. สถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและความคืบหน้าภารกิจอพยพคนไทยออกจากอิสราเอล (สถานะข้อมูล ๒๖ ต.ค. ๖๖)

  • กต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุมประสานงานศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน (RRC) ทุกวัน โดย รมช.กต. เป็นประธาน และในวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะมาร่วมออนไลน์เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงพูดคุยกับพี่น้องแรงงานไทยที่ศูนย์พักพิงด้วย
  • สถานการณ์การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป ในบริเวณฉนวนกาซา ชายแดนเลบานอน และ Westbank
  • สถานการณ์คนไทยในอิสราเอล
    • เสียชีวิต - ในชั้นนี้มีแรงงานไทยเสียชีวิต ๓๓ ราย
    • ผู้บาดเจ็บ - ๑๘ ราย โดยยังอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาล ๕ ราย
    • ผู้ถูกควบคุมตัว - จำนวน ๑๘ ราย อย่างไรก็ดี ตามที่เมื่อวานนี้ (๒๖ ต.ค.) มีกระแสข่าวจากสื่อต่างประเทศอ้างแหล่งข้อมูลจากทางการอิสราเอลว่า มีผู้ถูกจับคนไทยทั้งหมด ๕๔ ราย นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ติดต่อกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางการอิสราเอลปฏิเสธตัวเลขดังกล่าวและแจ้งยืนยันว่ามีคนไทยถูกจับกุมทั้งสิ้น ๑๘ คน ดังเดิม
  • การดำเนินการของทางการไทย
  • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ส่งร่างแรงงานไทยที่เสียชีวิตกลับสู่ประเทศไทยแล้ว ๒ ครั้ง รวม ๑๕ ราย
  • เที่ยวบินอพยพคนไทยจนถึงเมื่อเช้าวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๖๖ รวมแล้ว ๒๓ เที่ยวบิน และมีผู้ได้รับการช่วยเหลือผ่านสถานทูตแล้วจำนวน ๔,๗๗๑ คน โดยผู้เดินทางกลับไทยเองด้วยสายการบินพาณิชย์สามารถแสดงหลักฐานได้ที่สำนักงานแรงงานจังหวัดเพื่อขอเบิกค่าใช้จ่ายชดเชยต่อไป
  • สำหรับการช่วยเหลือนักศึกษาไทยในอิสราเอลที่เดินทางไปศึกษาที่สถาบัน Arava International Center for Agriculture Training (AICAT) มี นศ. ที่ได้เดินทางกลับแล้ว ๔๐ คน และอีกจำนวน ๗๕ คน ไม่ประสงค์เดินทางกลับ
  • ไทยเป็นชาติที่ดำเนินการอพยพมากที่สุด มีเที่ยวบินต่อเนื่องทุกวัน และทางการไทยขอให้พี่น้องแรงงานไทยในพื้นที่พิจารณาเดินทางกลับประเทศไทยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน

๕. การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงานที่เมืองเล้าก์ก่าย เมียนมา

  • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของฝ่ายเมียนมาอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด
  • สถานการณ์คนไทย
    • คนไทยที่ถูกล่อลวงในเมืองเล้าก์ก่ายจำนวน ๒๑๙ คน
    • คนไทยที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของฝ่ายเมียนมาจำนวน ๑๕๓ คน ประกอบด้วย
      • ดูแลที่ค่ายทหาร ๑๒๐ คน
      • อยู่ที่โรงแรม ๒๒ คน เพื่อรอทางการเมียนมามารับ
      • อยู่ที่สถานีตำรวจ ๑๑ คน
      • ยังไม่ทราบสถานะแน่ชัดอีก ๗๑ คน
    • สอท.ฯ มีข้อมูลว่ายังมีคนไทยที่ถูกล่อลวงอยู่ที่เมืองเพียน (Hpyan) ซึ่งไม่ไกลจากเมืองเล้าก์ก่าย อีก ๑๐๗ คน
  • ในช่วงที่ผ่านมา ฝ่าย มม. ได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติหลายสัญชาติออกมาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการและเป็นไปตามกฎหมายของทางการ มม.
  • ปัจจุบัน เมืองเล้าก์ก่ายเป็นเขตปกครองตนเองที่มีสถานการณ์พิเศษ มีการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องและเป็นเขตที่ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าพื้นที่ การให้ความช่วยเหลือจึงค่อนข้างยากลำบาก อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตฯ ประสานงานกับทางการเมียนมาอยู่อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
  • สอท.ฯ และ กรมการกงสุล ได้จัดทำสื่อ ปชส. เตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อการชักชวนให้ไปทำงานประเภทให้บริการรูปแบบต่าง ๆ ในเมืองเล้าก์ก่าย เมืองป๊อก เมืองลา มูเซ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ลึกในดินแดน มม. รวมถึงโดนบีบบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย อาทิ call center
  • ช่องทางติดต่อ
    • สอท. ณ กรุงย่างกุ้ง
      • หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน +๙๕ ๙๘๘๐๙๑๖๗๙๕ และ +๙๕ ๙๗๙๗๐๐๒๘๐๑
    • กรมการกงสุล หมายเลข ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๑๙ / ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๕๑ / ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๔๗-๔๙

รับชมย้อนหลังได้ที่ https://fb.watch/nWXWklggt0/?mibextid=qC1gEa 

* * * * *

กองการสื่อมวลชน

๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๖

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

เอกสารประกอบ

การแถลงข่าวประจำสัปดาห์.pptx