สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
วันพฤหัสบดีที่ ๒ มี.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น. ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ
และทาง Facebook live กระทรวงการต่างประเทศ
๑. การให้ความช่วยเหลือของไทยแก่ตุรกีและซีเรียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
- เหตุแผ่นดินไหวขนาด ๗.๗ แมกนิจูด เมื่อวันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๖๖ บริเวณชายแดนตุรกี-ซีเรีย และใกล้เคียงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า ๕ หมื่นคนและได้รับบาดเจ็บอีกกว่า ๑ แสนคน บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายอย่างสูง โดยมีคนไทยในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ๗๔ คน เสียชีวิต ๑ คน และสูญหาย ๑ คน
- กระทรวงการต่างประเทศขอขอบคุณเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคนจากภาครัฐและเอกชนไทย ที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยและตุรกีในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายคนไทยที่เข้มแข็งในตุรกี
- การให้ความช่วยเหลือแก่ตุรกี
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี อัญเชิญสิ่งของบรรเทาทุกข์พระราชทานมอบแก่ตุรกี ประกอบด้วย เต็นท์นอนขนาดใหญ่ ผ้านวมกันหนาว ถุงนอนกันหนาว เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก อาหารแห้ง นมและน้ำดื่ม โดยกองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์พระราชทานข้างต้นไปยังกรุงอังการาเพื่อส่งต่อให้กับทางการตุรกี เมื่อวันที่ ๑๕ ก.พ. ๒๕๖๖ และได้นำคนไทยในพื้นที่ประสบภัย ๓๖ คน และร่างผู้เสียชีวิตกลับมายังประเทศไทย
- เมื่อวันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๖๖ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปพระราชทานสิ่งของบรรเทาทุกข์เพิ่มเติมแก่ตุรกี ประกอบด้วยอาหารแห้งและของใช้จำเป็นสำหรับฤดูหนาว โดยเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดส่งและนำคนไทยผู้ได้รับผลกระทบอีก ๑๑ คน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่เดินทางไปช่วยสนับสนุนภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตฯ กลับประเทศไทย
- นายกรัฐมนตรีได้มอบเงินบริจาคจำนวน ๕ ล้านบาท แก่รัฐบาลตุรกี โดยนางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ โดยนางแอร์ซอยได้แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา รวมทั้งขอบคุณประเทศไทย และประชาชนไทยในความช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย
- เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา (นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง) และคณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สอท.ฯ ในฐานะหน่วยงานด่านหน้าของไทย ลงพื้นที่นำส่งสิ่งของยังชีพ ผ้าห่ม และน้ำดื่ม รวมถึงช่วยอพยพคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย
- นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ส่งทีมกู้ภัย Urban Search And Rescue (USAR) ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ ๔๒ คน และสุนัขกู้ภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยเข้าไปปฏิบัติงานระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๗ ก.พ. ที่ผ่านมา
- การให้ความช่วยเหลือแก่ซีเรีย
- เมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ. ๒๕๖๖ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้มอบเงินบริจาค จำนวน ๑ ล้านบาทในนามรัฐบาลไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวซีเรีย โดยนายอภิชาติ ชินวรรโณ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ ณ กระทรวงการต่างประเทศ
- ปัจจุบัน กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเวชภัณฑ์ให้แก่ซีเรีย ผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศซีเรีย
๒. พิธีเปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ณ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และแผนงานกรมการกงสุลประจำปี ๒๕๖๖
- พิธีเปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ณ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
- เมื่อวันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๖ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล เป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร และนายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) งานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ณศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ชั้น ๕ โซน A โดยมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกว่า ๒๐ หน่วยงาน เข้าร่วม หลังการปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ที่สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย เมื่อวันที่ ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๖
- การเปิดสำนักงานฯ มุ่งส่งเสริมการให้บริการประชาชนแบบ one stop service โดยอำนวยความสะดวกและเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างทั่วถึง การพัฒนาระบบนิติกรณ์เอกสารแบบใหม่ ซึ่งประชาชนสามารถยื่นขอรับบริการนิติกรณ์เอกสาร โดยไม่ต้องกรอกคำร้องในแบบฟอร์มกระดาษ (paperless) เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงนามแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-signature) บนแผ่นปะนิติกรณ์ที่มี QR Code ซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของนิติกรณ์เอกสาร โดยหน่วยงานปลายทางสามารถตรวจสอบได้เอง และมีแนวทางที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร
- ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้ขยายงานสัญชาติและนิติกรณ์ ไปยังส่วนภูมิภาค และในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยล่าสุดที่เมืองพัทยา เมื่อวันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๖๖ จากที่เปิดให้บริการแล้วที่ในสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี สงขลา และภูเก็ต การเปิดสำนักงานสัญชาติฯ ปทุมวัน สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการให้บริการประชาชนแบบบูรณาการในลักษณะ one stop service เนื่องจากอยู่ใกล้กับสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวปทุมวัน และจุดบริการด่วนมหานคร (Bangkok Express Service) ของกรุงเทพมหานครที่ให้บริการด้านทะเบียนราษฏร์
- ในกรณีมีข้อซักถามเกี่ยวการบริการสามารถติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ต่าง ๆ ของกรมการกงสุลต่อไป
- แผนงานกรมการกงสุลประจำปี ๒๕๖๖
- กรมการกงสุลยังคงมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบงานด้านกงสุล ที่สำคัญ คือ การดำเนินการ e-Passport phase 3 เพื่อต่อเนื่องไปจนถึง phase 4 ที่จะนำไปสู่ Digital Passport ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบ Digital ID ของกระทรวงมหาดไทย
- การขับเคลื่อนระบบ e-Visa phase 1 ซึ่งใช้อยู่แล้วกับสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ของไทย ๓๘ แห่งใน ๒๓ ประเทศ (จากทั้งหมด ๙๖ แห่ง) โดยมีการเก็บข้อมูลในระบบ cloud และเพิ่ม features ใหม่ๆ อาทิ การแชร์ ตรวจสอบรายชื่อ และเตือนบุคคลใน blacklist และการปรับปรุงระบบการค้นหาให้สะดวกยิ่งขึ้น
- การปรับปรุง Thai Consular App ให้มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (user friendly) มากยิ่งขึ้น เช่น บริการแจ้งเตือนเมื่อหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือสามารถจองลำดับเข้ารับบริการการรับรองนิติกรณ์เอกสารได้ เป็นต้น
- กรมการกงสุลได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) เพื่อเตรียมรับรองนักท่องเที่ยวจากจีน โดยมีความรัดกุมในออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว มีเพียงร้อยละ ๑๕ ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดที่ดำเนินการขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ในขณะที่ร้อยละ ๘๕ จะขอ Visa on Arrival (VOA) เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย และสามารถขอขยายระยะเวลาการพำนักในไทยจากทาง ตม. ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในจีนพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนชาวจีนในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
- กรมการกงสุลได้จัดทำ Infographic รวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน (Hotline) ของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ในทุกภูมิภาค หรือผู้สนใจอาจพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อมูลในแอปพลิเคชัน Thai Consular ได้
๓. ความคืบหน้าการขอรับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ ต่อ Phuket Expo 2028
- ไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo ในปี ค.ศ. ๒๐๒๘ (พ.ศ. ๒๕๗๑) ที่ จ. ภูเก็ต) ซึ่งอยู่ในระหว่างการหาเสียงโดยมีประเทศอื่นที่เสนอตัวแข่งขันกับอีก ๔ ประเทศ ได้แก่ สเปน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา และเซอร์เบีย โดยมีกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ ๒๐ – ๒๑ มิ.ย. ๒๕๖๖ ณ กรุงปารีส ภายใต้กรอบองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions: BIE)
- เมื่อวันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๖๖ นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนภาคเอกชนจากจังหวัดภูเก็ต และ ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เข้าร่วมงานเสวนา Thailand Symposia หัวข้อ “ชีวิตแห่งอนาคต: แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่ง” (Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity) ที่จะส่งเสริมความร่วมมือและใช้นวัตกรรมเพื่อเป็นทางออกสู่อนาคตที่ยั่งยืนใน ๓ ด้าน (3Ps) ได้แก่ ความเป็นอยู่ของมนุษย์ (People) สิ่งแวดล้อม (Planet) และความมั่งคั่งร่วมกัน (Mutual Prosperity) ทั้งนี้ แนวคิดนี้เป็นไปตามแนวทางของแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต
- กระทรวงฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินหน้ามุ่งมั่นหาเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกกรอบ BIE รวม ๑๗๐ ประเทศ เพื่อให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ภูเก็ตก็จะยังเดินหน้ายกระดับตามแผนสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก และในช่วงการรณรงค์หาเสียงเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้แสดงวิสัยทัศน์และมุ่งสู่ความยั่งยืน เป็นโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศไทยสู่สายตาชาวโลกได้เป็นอย่างดี ขอเชิญชวนชาวไทยร่วมกันสนับสนุนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยในครั้งนี้ และสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Phuket Expo ของประเทศไทยได้ที่ expo2028thailand.com และทวิตเตอร์ @expo2028phuket
๔. การเชิญสื่อมวลชนร่วมฟังการสัมมนา "ค่านิยมพื้นฐานและความร่วมมือภายใต้ PCA"
- ในวันที่ ๘ มี.ค. ๒๕๖๖ กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมยุโรปและศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ (International Studies Center: ISC) จะจัดการสัมมนาในหัวข้อ“ค่านิยมพื้นฐานและความร่วมมือภายใต้ PCA” ณ โรงแรมแมริออท สุรวงศ์ กรุงเทพฯ โดยเรียนเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement: PCA) ระหว่างไทย-อียู ที่เราเพิ่งได้ลงนามกันไปเมื่อวันที่ ๑๔ ธ.ค. ๒๕๖๕ หลังจากการเจรจากว่า ๑๘ ปี
- PCA ครอบคลุมหลากหลายสาขาความร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถใช้ประโยชน์เพื่อขยายความร่วมมือกับยุโรปต่อไปได้ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในทุกระดับทั้งทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคี รวมทั้งจะนำไปสู่การเจรจา FTA ไทย-อียูในอนาคต ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นความตกลงการค้าเสรีกับตลาดที่ประกอบด้วยประเทศพัฒนาแล้ว ๒๗ ประเทศ มีประชากรกว่า ๔๔๗ ล้านคนและมี GDP รวมประมาณ ๑๗ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ผู้สนใจสามารถร่วมรับฟังการสัมมนาฯ ได้ทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๘ มี.ค. ๒๕๖๖ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๓.๐๐ น. ทั้งนี้ สื่อมวลชนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ตามช่องทางที่กำหนด
๕. ความร่วมมือเพื่อพัฒนา "กาแฟเทพเสด็จ" ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประชาชน
- กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงาน Japan International Cooperation Agency (JICA) จากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์กาแฟ “เทพเสด็จ” จาก อ. ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่ สู่การวางขายในรูปแบบ “กาแฟดริป” ในร้านกาแฟอินทนิลทั่วประเทศ โดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดย JICA ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ผลิตกาแฟและพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพและมูลค่าสูงขึ้น
- สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมบทสัมภาษณ์อธิบดี TICA และคุณประหยัด เสนน้อย ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด ที่เผยแพร่ทางบัญชี Facebook และ Twitter ของกระทรวงฯ
* * * * *
รับชมแถลงข่าวย้อนหลัง: https://fb.watch/j09hYy72Tj/?mibextid=ykz3hl
คลิปแถลงข่าว: ช่อง Youtube “MFA Thailand Channel”: https://www.youtube.com/user/mfathailand
กองการสื่อมวลชน
กรมสารนิเทศ