เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ได้พบหารือกับ Ms. Aud Ingvild Slettemoen รักษาการผู้ช่วยนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด ณ สำนักงานนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด ในโอกาสเยือนชุมชนไทย
ในสวาลบาร์ด และศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอาร์กติก โดยมีที่ปรึกษา พีระยา หอมโกศล และ Ms. Eva Therese Jenssen ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร สำนักงานนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด เข้าร่วมด้วย
Ms. Aud Ingvild Slettemoen รักษาการผู้ช่วยนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด ได้บรรยายสรุปภาพรวมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของหมู่เกาะสวาลบาร์ด ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยของนอร์เวย์ตามสนธิสัญญาสวาลบาร์ด ตั้งแต่ปี ๒๔๖๓ ปัจจุบันมีประชากรชาวนอร์เวย์ และชาวต่างชาติรวมจำนวนประมาณ ๓,๐๐๐ คน โดยในเมือง Longyearbyen ซึ่งเป็นเมืองหลักของหมู่เกาะสวาลบาร์ด มีชุมชนประมาณ ๒,๖๐๐ คนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้หารือด้านความร่วมมือวิชาการระหว่างไทยกับสวาลบาร์ด ได้แก่ ความร่วมมือด้านการวิจัยอาร์กติกระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับ University Centre in Svalbard (UNIS) ด้วย
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งประเด็นเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชุมชนไทยในสวาลบาร์ด ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๑๐๐ คน และเป็นกำลังสำคัญต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของสวาลบาร์ด โดยได้หยิบยกข้อห่วงกังวลที่สำคัญ ได้แก่ กรณีใบขับขี่รถยนต์ของไทยจะไม่สามารถใช้ในสวาลบาร์ดได้ภายหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตประจำวันของชุมชนไทย และประเด็นการเดินทางกลับสวาลบาร์ดของชุมชนไทยโดยใช้เชงเก้นวีซ่าประเภทท่องเที่ยว
Ms. Aud Ingvild Slettemoen รักษาการผู้ช่วยนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด ได้แสดงความเข้าใจ และมีท่าทีในเชิงบวกเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะปัญหาใบขับขี่รถยนต์ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวของนอร์เวย์เกี่ยวกับใบขับขี่เป็นการดำเนินการตาม Vienna Convention on Road Traffic ปี ๒๕๑๑ และ Geneva Convention on Road Traffic ปี ๒๔๙๒ อย่างไรก็ดี ทางการสวาลบาร์ดจะทำประชาพิจารณ์ (public hearing) ในเรื่องนี้ และเชื่อว่า จะมีผลในเชิงบวก (optimistic)
เอกอัครราชทูตฯ ได้ย้ำความสำคัญของภารกิจของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ในการดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนไทยในสวาลบาร์ด ซึ่ง Ms. Aud Ingvild Slettemoen รักษาการผู้ช่วยนายกเทศมนตรีหมู่เกาะสวาลบาร์ด ได้กล่าวว่า ฝ่ายนอร์เวย์เห็นว่า การที่เอกอัครราชทูตฯ มาพบชุมชนไทยและหน่วยงานของสวาลบาร์ดที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการที่ดี และฝ่ายนอร์เวย์ตระหนักดีในความสำคัญของชุมชนไทยในสวาลบาร์ด โดยรับทราบ (take note) ในข้อห่วงกังวลต่าง ๆ ที่เอกอัครราชทูตฯ หยิบยกในครั้งนี้ และพร้อมจะร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการแก้ไขปัญหาต่อไป รวมทั้ง จะประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิดหากมีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งน่าจะคลี่คลายด้วยดี