วันที่นำเข้าข้อมูล 24 มิ.ย. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 มิ.ย. 2565
เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมพิธีประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ที่เมือง Borganes ประเทศไอซ์แลนด์ ร่วมกับรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิก EFTA 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ โดยมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล และนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมด้วย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวในพิธีฯ ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ทางการค้าอีกวันหนึ่งสำหรับประเทศไทย เนื่องจากไทยกับ EFTA ได้ประกาศเริ่มการเจรจา FTA ระหว่างกัน ปัจจุบัน ประเทศไทยมี FTA จำนวน ๑๔ ฉบับกับ ๑๘ ประเทศ โดยฉบับที่มีจำนวนสมาชิกที่สุด คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด ๑๕ ประเทศ ล่าสุด ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งตนได้เป็นประธานการประชุมในระดับรัฐมนตรีจาก ๒๑ เขตเศรษฐกิจ โดยมีข้อสรุปที่มีความก้าวหน้ามาก คือ ทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้เป็น FTA ในอนาคตต่อไป
สำหรับ FTA ระหว่างไทยกับ EFTA จะถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศในยุโรป และหากประสบความสำเร็จความตกลงดังกล่าวจะกลายเป็น FTA ฉบับที่ ๑๕ ของไทย และจะทำให้ไทยมี FTA กับ ๒๒ ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก ๑๘ ประเทศ ตนจึงหวังว่า FTA ฉบับนี้จะสามารถดำเนินการให้ครอบคลุมหลากหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การค้าสินค้าและบริการ การลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน รวมถึงการลดภาษี e-commerce สิ่งแวดล้อม และประเด็นอื่นๆ ที่ EFTA เห็นสมควร โดยไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM) ระหว่างกันในระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ ที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือว่า เป็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นการประชุมที่จะเกิดขึ้นเพียง ๑ สัปดาห์หลังจากวันประกาศเริ่มการเจรจาในวันนี้ โดยฝ่ายไทยตั้งเป้าว่า การเจรจากับ EFTA จะแล้วเสร็จภายใน ๒ ปี
ภายหลังพิธีข้างต้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับ EFTA ในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ ๗,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่า ภายหลังจากที่ FTA ไทย-EFTA เริ่มบังคับใช้ จะทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวภายในเวลาอันรวดเร็ว และที่สำคัญ ทุกฝ่ายจะร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในทั้ง ๕ ประเทศ
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **