นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจำปี ๒๕๖๖

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจำปี ๒๕๖๖

วันที่นำเข้าข้อมูล 29 พ.ย. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2566

| 5,319 view

เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย “การทูตเชิงรุก”แก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ “ทีมประเทศไทย” ทั้งภายในประเทศและที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศสู่ยุคใหม่ ให้เป็น “การต่างประเทศที่คนไทยจับต้องได้” เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีแก่ประชาชนและเสริมสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายเกี่ยวกับงานการทูตในสองด้าน ได้แก่ (๑) การทูตเศรษฐกิจ โดยทีมประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ซึ่งรวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนในการค้าขายและลงทุนในต่างประเทศ โดยเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจกับต่างประเทศ ชี้แนะช่องทางและโอกาสการเจาะตลาด และให้ข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจ รวมถึงชี้โอกาสของไทยในสถานการณ์วิกฤต โดยทำงานเชิงรุกเพื่อให้ภาคธุรกิจไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ทันท่วงที ขณะเดียวกัน ต้องทำให้ดัชนีความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of doing business) ดีขึ้น และเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) และผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นควรจัดตั้งหน่วยงานที่สนับสนุน การลงทุนของนักธุรกิจไทยในต่างประเทศอย่างเป็นระบบและมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน และ (๒) การรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของคนไทย และการช่วยเหลือคนไทยและธุรกิจไทยในต่างประเทศ โดยการดูแลเกียรติภูมิของประเทศและพระเกียรติของราชวงศ์ และการวางจุดยืนของไทยจะต้องเป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์ โดยทีมประเทศไทยจะต้องเข้าใจในพลวัตและประเด็นสำคัญของแต่ละประเทศเพื่อนำมาปรับกับการวางจุดยืนของไทยให้เหมาะสม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการปรับทัศนคติและแนวทางการทำงาน โดยการยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีแนวคิดเชิงธุรกิจ และตระหนักถึงความเร่งด่วน โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายและผลกระทบของงาน รวมถึงมีทัศนคติการทำงานแบบ can do กล่าวคือ การพยายามทำงานให้ได้สำเร็จ รวมทั้งสร้างการวัฒนธรรมใหม่ของการดำเนินงานการทูตที่เป็นมืออาชีพ โดยมีภารกิจหลักในการช่วยประสานงานให้หน่วยงานไทยสามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยและคนไทย ตลอดจนการทำงานอย่างแข็งขันร่วมกันในฐานะทีมประเทศไทย เพื่อประสานองค์ความรู้และมุ่งสู่การทูตแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายของการเจริญเติบโตของประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทของไทย และทำให้ไทยกลับมามีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีโลกอีกครั้ง

ในโอกาสนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับการมอบนโยบายด้านการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกแก่ “ทีมประเทศไทยด้านเศรษฐกิจ” และยืนยันในความพร้อมของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุน เพื่อนำทีมเศรษฐกิจเชิงรุกสู่ความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยและตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

อนึ่ง ภายหลังการรับมอบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พร้อมด้วยเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนได้ร่วมกันประชุมระดมสมองเพื่อกำหนด ๑๐ ประเทศเป้าหมายของการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกและรายงานต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ