นายกรัฐมนตรีหารือกับที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ผลักดันความร่วมมือเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการค้าการลงทุน และการแก้ไขประเด็นปัญหาข้ามแดน

นายกรัฐมนตรีหารือกับที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ผลักดันความร่วมมือเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการค้าการลงทุน และการแก้ไขประเด็นปัญหาข้ามแดน

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 พ.ย. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 3,935 view

นายกรัฐมนตรีกับนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ได้หารือกันก่อนที่เมียนมาจะจัดการเลือกตั้งทั่วไป เกี่ยวกับความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙) ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการค้าการลงทุน และการแก้ไขประเด็นปัญหาข้ามแดน

เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือทวิภาคีทางโทรศัพท์กับนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา

นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาในโอกาสที่เมียนมาจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยหวังว่าการเลือกตั้งจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น โดยสันติ และปราศจากเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง นอกจากนี้ ยังได้ยืนยันความพร้อมของรัฐบาลไทยในการสานต่อความร่วมมือด้านต่าง ๆ และริเริ่มความร่วมมือด้านใหม่ ๆ กับเมียนมาภายหลังการเลือกตั้งต่อไปด้วย

ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนความพยายามของเมียนมาในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ในรูปแบบต่าง ๆ และที่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกการเดินทางกลับภูมิลำเนาของชาวเมียนมาในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นของการแพร่ระบาดเป็นต้นมา โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมของรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมาในการรับมือกับโควิด-๑๙ เพิ่มเติมหากฝ่ายเมียนมาประสงค์

นายกรัฐมนตรีกับที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาเห็นพ้องกันว่า การค้าและการลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหลังโควิด-๑๙ และยืนยันที่จะส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งนี้ หากมีประเด็นปัญหาหรือข้อขัดข้องประการใด ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงไป

สำหรับประเด็นความร่วมมือด้านแรงงาน ทั้งสองฝ่ายได้หารือความเป็นไปได้ในการพิจารณาขยายกำหนดระยะเวลายื่นความจำนงของแรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุแล้ว เพื่อขอพำนักและทำงานในไทยต่อ รวมทั้งได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (Temporary Data Collection Center) ที่จังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันแก้ไขประเด็นปัญหาข้ามแดนอื่น ๆ ได้แก่ หมอกควันข้ามแดน การค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย และปัญหายาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไป

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ