เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทอดถวาย ณ วัดกันเดวิหาร จังหวัดเวสเทิร์น สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา โดยมีพระคควิตตะ วิปุลสาระ เจ้าอาวาสวัดกันเดวิหารเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

พิธีดังกล่าวมี นาย Ranjith Ariyaratne ปลัดกระทรวงพุทธศาสนาและกิจการศาสนาศรีลังกา เป็นแขกเกียรติยศฝ่ายศรีลังกา และมีนายไพฑูรย์ มหาพัณณาภรณ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ นางอัญญาพร เลิศพงศาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการคลัง รวมทั้งนาง Gustiva Tobe เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำศรีลังกา อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประเทศในอาเซียนประจำศรีลังกา ตลอดจนภาคเอกชน ชุมชนไทย และพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาเข้าร่วม

การเชิญผ้ากฐินพระราชทานครั้งนี้ สามารถรวบรวมเงินบริจาคซึ่งประกอบไปด้วยเงินบำรุงพระอารามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลจากกระทรวงการต่างประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและชาวศรีลังกา รวมทั้งสิ้น 3,110,360 รูปีศรีลังกา (หรือประมาณ 364,363.50 บาท)

วัดกันเดวิหาร (Kande Vihara) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2277 เป็นวัดสยามนิกายขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมือง Aluthgama มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณ และเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญของชาวพุทธทางตอนใต้ของศรีลังกา โดยในปี 2565 - 2566 เจ้าอาวาสได้มีบทบาทสำคัญในการให้ความร่วมมือนำช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่รัฐบาลไทยมอบให้เป็นของขวัญแก่รัฐบาลศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 และมีอาการเจ็บป่วยกลับสู่ประเทศไทย

อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2538 และในปี 2567 ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลเป็นโครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาใน 9 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว เมียนมา อินเดีย กัมพูชา เวียดนาม ศรีลังกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ พุทธศาสนิกชนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูตวัฒนธรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระดับประชาชนสู่ประชาชนให้แน่นแฟ้นและใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นต่อไป