เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่

เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ต.ค. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 7 ต.ค. 2565

| 8,657 view

เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ นายโลเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ภายหลังการประจำการกว่า ๔ ปี

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวชื่นชมเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอิตาลีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ ทั้งการค้า การลงทุน รวมถึงการริเริ่มจัดทำโครงการภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่อง “Me and the Magic Door” Discovering Italian Architectures in Bangkok ซึ่งกรมยุโรป ได้ช่วยอำนวยการและสนับสนุนการถ่ายทำในสถานที่ต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร่วมกันของสาธารณรัฐอิตาลีกับประเทศไทยผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครเกี่ยวกับมรดกสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร

ทั้งสองฝ่ายยังร่วมหารือถึงแนวทางการกระชับความสัมพันธ์และเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคีระหว่างไทยกับอิตาลี ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์โลกที่สำคัญ อาทิ สถานการณ์ในยูเครน การประชุมเอเปค เป็นต้น

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายโลเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ โรงแรมเดอะสยาม โดยมีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย นายอสิ ม้ามณี อธิบดีกรมยุโรป นายนีโกเลาส์ กายเมนากิส เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำประเทศไทย นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย นายแพทริก เบิร์น เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย รวมทั้งผู้บริหารกรมยุโรป และกองยุโรปตะวันตก

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยได้แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศในการปฏิบัติหน้าที่ของตนตลอดช่วงที่ดำรงตำแหน่ง และแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้นไปในอนาคต และยืนยันว่าจะยังคงเป็น “Friend of Thailand” เสมอ

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ