เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาการลงทุน Thailand-Japan Investment Forum จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ณ กรุงโตเกียว ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖

นายกรัฐมนตรีฯ ได้เน้นย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและญี่ปุ่นกว่า ๑๓๖ ปี และนโยบายเศรษฐกิจที่สอดคล้องกัน โดยไทยมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยในด้านต่าง ๆ เช่น soft power การพัฒนาที่ยั่งยืน และโครงการแลนด์บริดจ์ โดยนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยติดต่อกันนานหลายสิบปี และเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นลำดับที่ ๓ ของไทยในปี ๒๕๖๕ ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนจากญี่ปุ่นทั้งรายเดิมและรายใหม่ และร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นในการยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจใหม่

รองนายกรัฐมนตรีฯ ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่าการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้รับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากนักธุรกิจและหน่วยงานพันธมิตรญี่ปุ่น เพื่อนำไปปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้ตอบสนองต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจในไทยของนักลงทุนญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น รองนายกรัฐมนตรีฯ ยังได้ตอกย้ำความสำคัญของการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งไทยและญี่ปุ่นได้อย่างเป็นรูปธรรม และเชิญชวนให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลไทยพร้อมยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศให้เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายไซโตะ เคน รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น คนใหม่ ได้ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของไทยและญี่ปุ่นและศักยภาพของความร่วมมือของทั้งสองประเทศในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ