รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นสิ่งจำเป็นทางมนุษยธรรม ผลักดันการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙ และโรคระบาดในอนาคต

เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศเรื่องความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙ ครั้งที่ ๑ โดยมีนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นประธาน ในโอกาสนี้ ได้เน้นย้ำวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นสิ่งจำเป็นทางมนุษยธรรม และเรียกร้องให้ประเทศที่มีวัคซีนส่วนเกินสนับสนุนวัคซีนโควิด-๑๙ ผ่านกรอบทวิภาคีและพหุภาคีรวมถึง COVAX Facility โดยประเทศต่าง ๆ และบริษัทผลิตวัคซีน รวมถึงสถาบันการเงิน ควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-๑๙ เพื่อเพิ่มอุปทานวัคซีนโควิด-๑๙ ของโลก และเสนอแนะให้นานาชาติพิจารณาแนวทางเตรียมความพร้อมและการรับมือกับโรคระบาดในอนาคต

ที่ประชุมฯ เห็นพ้องว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-๑๙ เป็นสิ่งท้าทาย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นจึงมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ ให้ทันกับการกลายพันธุ์ผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน และสนับสนุนให้มีการหารือเพื่อยกเว้นกฎเกณฑ์ด้านสิทธิบัตรของวัคซีนโควิด-๑๙ ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) รวมถึงวัคซีนโควิด-๑๙ ควรเป็นสินค้าสาธารณะที่ทุกประเทศในโลกสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาและรายได้น้อย นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ เรียกร้องให้มีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้และรับมือกับโควิด-๑๙ มากยิ่งขึ้น รวมทั้งไม่เลือกปฏิบัติในการอนุมัติวัคซีนโควิด-๑๙ ชนิดต่าง ๆ สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศซึ่งควรใช้มาตรฐานของ WHO เป็นหลัก

การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยข้อริเริ่มของจีน มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ ๒๔ ประเทศ องค์กรระหว่างประเทศและบริษัทผลิตวัคซีน โดยที่ประชุมเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุม นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้มีสารต่อที่ประชุมในช่วงพิธีเปิด และนาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ และนาย Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงด้วย