นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือแสดงความยินดีและสนทนาทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือแสดงความยินดีและสนทนาทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ

วันที่นำเข้าข้อมูล 28 ม.ค. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 16,809 view

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแสดงความยินดีและสนทนาทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพร้อมจะร่วมมือกันในมิติต่างๆ รวมถึงการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ตามที่เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔ (เวลาประเทศไทย) นายแอนโทนี บลิงเคน ได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือแสดงความยินดีถึงนายบลิงเคน โดยกล่าวถึงการเข้ารับตำแหน่งของนายบลิงเคนในช่วงเวลาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ และบทบาทนำของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างเสถียรภาพ สันติภาพ และความรุ่งเรืองให้กับประชาคมระหว่างประเทศอีกครั้ง บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่านายบลิงเคนจะมีบทบาทสำคัญในภารกิจดังกล่าว ไทยในฐานะประเทศคู่ภาคีสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมจะร่วมมือกับนายบลิงเคนและสหรัฐฯ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนและการดำเนินนโยบายต่างประเทศของนายบลิงเคน โดยในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญนายบลิงเคนเดินทางเยือนประเทศไทยในโอกาสที่จะเดินทางเยือนภูมิภาคต่อไปด้วย

ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ (ช่วงเวลาเช้าตามเวลาประเทศไทย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนายบลิงเคนได้สนทนาทางโทรศัพท์ โดยได้หารือถึงแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานและความร่วมมือที่ครอบคลุมหลากหลายมิติระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รวมถึงการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอาเซียน ความมั่นคงทางไซเบอร์ และประเด็นที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง อาทิ การต่อต้านการค้ามนุษย์ สิทธิมนุษยชน การดูแลแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้กล่าวถึงวาระการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคของไทยในปี ๒๕๖๕ และได้ย้ำคำเชิญนายบลิงเคนเยือนประเทศไทยด้วย