นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนโดยใช้ “soft power” ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๒๒

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนโดยใช้ “soft power” ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๒๒

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 ต.ค. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 7,816 view

นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมืออาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีให้ก้าวไกล ผ่านการเชื่อมโยงข้อริเริ่มต่าง ๆ ของอาเซียนกับนโยบายมุ่งใต้ใหม่และนโยบายมุ่งใต้ใหม่พลัสของสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการพัฒนาทุนมนุษย์

เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๒๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยที่ประชุมฯ ได้รับรองถ้อยแถลงร่วมฯ ว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมืออาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ให้ก้าวไกลเพื่อประชาชน สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองที่มุ่งเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีให้เข้มแข็ง เชื่อมโยงข้อริเริ่มต่าง ๆ ของอาเซียน กับนโยบายมุ่งใต้ใหม่และนโยบายมุ่งใต้ใหม่พลัสของสาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ในด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อการฟื้นฟูและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่ Next Normal ด้วยการพลิกโฉมประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม

ในด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลี ที่ได้เพิ่มเงินสนับสนุนกองทุนอาเซียน เพื่อรับมือกับโควิด-๑๙ อีกจำนวน ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยได้สนับสนุนสาธารณรัฐเกาหลีในการจัดตั้งกลไกการหารือด้านสาธารณสุข ทั้งในกรอบอาเซียนและทวิภาคี ตลอดจนการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนาวัคซีน โดยเป้าประสงค์ของสาธารณรัฐเกาหลีที่จะเป็นศูนย์กลางวัคซีนของโลกจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการเตรียมความพร้อมของภูมิภาคในการรับมือกับโควิด-๑๙ และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีควรมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ชาญฉลาด เมืองอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการเสริมสร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค รวมทั้งการผลักดันให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) มีผลใช้บังคับโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังควรมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย start-ups และผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และพัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุค 4IR

นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรีได้เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้กล่าวเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีแสวงหาความร่วมมือตามแนวทางใหม่ อาทิ โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “Green New Deal” ของสาธารณรัฐเกาหลี

ในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนและคนรุ่นใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และควรใช้ “soft power” ในการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ผ่านดนตรี ภาพยนตร์ กีฬา สื่อยุคใหม่และสื่อดิจิทัล และศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ Black Pink และ BTS รวมทั้งควรผลักดันกิจกรรมร่วมกันระหว่างศูนย์ต่าง ๆ อาทิ ศูนย์อาเซียน-เกาหลี ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียนที่กรุงเทพฯ และศูนย์วัฒนธรรมอาเซียนที่นครปูซาน

นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สันติภาพและเสถียรภาพเป็นพื้นฐานของความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ