นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 ธ.ค. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 18 ธ.ค. 2566

| 1,862 view

เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายปรานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว

ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมบทบาทที่สำคัญของญี่ปุ่นและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นมายาวนานกว่า ๕๐ ปี ในการเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาค ตลอดจนสนับสนุนให้ญี่ปุ่นมีบทบาทที่สร้างสรรค์ท่ามกลางวิกฤติและความเปราะบางของสันติภาพโลก ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิเทคโนโลยี

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางยกระดับความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อร่วมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ๕ ประเด็น ได้แก่
๑) การเสริมสร้างความเชื่อมโยงและบูรณาการในภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างเต็มที่ รวมทั้งความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาค โดยไทยกำลังพัฒนาโครงการ Landbridge เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก

๒) การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเติบโตสีเขียว การเปลี่ยนผ่านพลังงาน การเงินสีเขียว การพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า โดยไทยสนับสนุนข้อริเริ่ม Asia Zero Emission Community ของญี่ปุ่น และยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของอาเซียน (Strategic Program for ASEAN Climate and Environment) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

๓) การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล โดยอาเซียนอยู่ระหว่างการจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEFA ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคขึ้น 2 เท่าเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 โดยไทยยินดีร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อสร้างระบบนิเวศทางดิจิทัล

๔) ความมั่นคงด้านสาธารณสุข ไทยชื่นชมญี่ปุ่นที่สนับสนุนเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ หรือ ACPHEED ซึ่งมีสำนักเลขาธิการในประเทศไทย และพร้อมร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพถ้วนหน้าในระดับโลก

๕) เศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียนและญี่ปุ่นด้านการออกแบบ แฟชั่น อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี และดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม

นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนแบบใจถึงใจ (Heart-to-Heart Partnership) ผ่านการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน ทั้งในด้านการศึกษาและวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา โดยญี่ปุ่นแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยและอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา ผู้นำอาเซียนและญี่ปุ่นยังได้รับรองแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นและแผนดำเนินงานฉบับใหม่ เพื่อกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านอาเซียน-ญี่ปุ่นในอนาคต

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ