เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างไทยกับกว่างซี โดยเฉพาะด้านการศึกษา ภาษาและวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ร่วมกับมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี จัดการแข่งขันความสามารถด้านการใช้ภาษาไทยและกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยในชุมชน ครั้งที่ ๑๓ ในหัวข้อ “การท่องเที่ยวเมืองรองของไทยกับการขยายมิติความร่วมมือไทย-จีน” ณ มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยมีนายชัยรัตน์ พรทิพย์วรเวทย์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง และนายเซี่ย ซ่างกั่วอธิการบดีมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี เป็นประธานร่วมในการแข่งขันดังกล่าว

หัวข้อการแข่งขันฯ ในปีนี้ให้ความสำคัญกับแคมเปญการท่องเที่ยวเมืองรองทั้ง ๕๕ จังหวัดของไทย ไม่เพียงจะช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยังเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในเมืองรองของไทยกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไทยจำนวนมากที่สุดด้วย

          การแข่งขันแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ วิชาเอกและวิชาเลือก โดยมีสถาบันการศึกษาในกว่างซีจำนวน ๑๔ แห่ง ส่งนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขัน (ประเภทวิชาเอก ๒๐ คน และประเภทวิชาเลือก ๑๗ ทีม/๓๔ คน) ในช่วงเช้าเป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศโดยเป็นการกล่าวสุนทรพจน์และนำเสนอแนวคิดตามหัวข้อของปีนี้ และช่วงบ่ายเป็นการตอบคำถามเพื่อวัดระดับทักษะการใช้ภาษาไทยและความรู้ทั่วไป ผลการแข่งขันปรากฏว่า ประเภทวิชาเอก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซีและประเภทวิชาเลือก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซีและทีมนักศึกษาจากสถาบันสิงเจี้ยน มหาวิทยาลัยกว่างซี โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ ๑ และรองชนะเลิศอันดับ ๒ ของทั้งประเภทวิชาเอก และวิชาเลือก ได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษา ประกาศนียบัตร และโล่รางวัล นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ยังได้รับบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ เส้นทางหนานหนิง-กรุงเทพฯ จากสายการบินนกแอร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานคุนหมิง รวมทั้งจะได้รับ Exclusive Day with KBank กิจกรรมสุดพิเศษจากธนาคารกสิกรไทยอีกด้วย
          เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงมีสถาบันการศึกษาเปิดสอนวิชาภาษาไทยในระดับอนุปริญญาและปริญญาตรีจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีน โดยมหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซีเป็นสถาบันแห่งแรกในกว่างซีที่มีการเปิดสอนวิชาภาษาไทยตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ ในแต่ละปี มีนักศึกษากว่างซีเดินทางไปเรียนที่ประเทศไทยประมาณปีละมากกว่า ๒,๐๐๐ คน