การมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮังการี

การมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮังการี

วันที่นำเข้าข้อมูล 24 เม.ย. 2562

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 1,726 view
ไทยกับฮังการีได้เริ่มเจรจาเพื่อจัดทำสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Treaty between the Kingdom of Thailand and Hungary on Extradition) เมื่อปี ๒๕๕๘ และในส่วนของฝ่ายไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ อนุมัติให้ลงนามสนธิสัญญาฯ ไทยกับฮังการีจึงได้ลงนามสนธิสัญญาดังกล่าว ณ นครนิวยอร์ก และได้ตกลงแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ณ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้นายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนในการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร (Instrument of Ratification) กับ ฯพณฯ นาย Szilveszter Bus เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย ณ ห้องบัวแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ และโดยที่ข้อ ๒๓ วรรค ๑ ของสนธิสัญญาฯ กำหนดว่า “…ให้สนธิสัญญาเริ่มมีผลใช้บังคับสามสิบ (๓๐) วันหลังจากการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารนั้น” จึงเป็นผลทำให้สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๒ เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 
 
๑. ความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กันได้ต้องเป็นความผิดที่ลงโทษได้ตามกฎหมายของทั้งไทยกับฮังการี 
และเป็นความผิดที่มีกำหนดโทษจำคุกเกินกว่า ๑ ปี
๒. รัฐที่ได้รับการร้องขอไม่ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนบุคคลซึ่งกระทำความผิดทางการเมือง และความผิดทางทหาร 
๓. ไม่ต้องมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อรัฐที่ได้รับการร้องขอมีคำพิพากษาในความผิดนั้นแล้ว หรือเมื่อคดีขาดอายุความตามกฎหมายของประเทศที่ร้องขอ 
๔. ไทยกับฮังการีมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ส่งคนชาติของตนเป็นผู้ร้ายข้ามแดน อย่างไรก็ดี หากไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วยเหตุดังกล่าว รัฐภาคีที่ได้รับการร้องขอจะต้องเสนอคดีนั้นให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของตนเพื่อฟ้องคดีต่อไปตามคำร้องขอของภาคีที่ร้องขอ เว้นเสียแต่ว่าภาคีที่ได้รับการร้องขอไม่มีอำนาจเหนือความผิดนั้น ก็จะไม่ต้องเสนอคดีนั้นต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของตนเพื่อฟ้องคดี
๕. ผู้กระทำผิดที่ถูกส่งตัวไปจะไม่ถูกลงโทษในความผิดอื่น นอกเหนือจากในความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 
๖. รัฐที่ได้รับการร้องขอจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจนกระทั่งถึงเวลาส่งมอบตัว
๗. สนธิสัญญานี้จะใช้บังคับเฉพาะกับคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งจัดทำขึ้นภายหลังสนธิสัญญานี้มีผลใช้บังคับ โดยไม่คำนึงถึงวันแห่งการกระทำความผิด
 
ทั้งนี้ การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งตัวผู้กระทำความผิดที่หลบหนีออกนอกประเทศ กลับไปดำเนินคดีหรือรับโทษ ปัจจุบัน ไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๑๖ ประเทศ (รวมฉบับล่าสุดคือฮังการี) อนึ่ง ประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือเรื่องผู้ร้ายข้ามแดนกับต่างประเทศมาอย่างยาวนาน โดยได้ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนฉบับแรกใน ร.ศ. ๑๒๙ และมีการตราพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. ๒๔๗๒ ต่อมา ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยขึ้นและใช้พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นกรอบทางกฎหมายในการดำเนินความร่วมมือเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน 
 
สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮังการีจะช่วยให้ไทยกับฮังการีสามารถป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะที่มีลักษณะข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะช่วยลดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ตลอดจนนำไปสู่การดำเนินการให้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างกันในด้านอื่น ๆ ต่อไป