การรับมอบหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์จากรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา

การรับมอบหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์จากรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 ก.พ. 2562

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,414 view
นายกามินี ชยวิกรมะ เปเรรา (H.E. Mr. Gamini Jayawickrama Perera) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาและการพัฒนาจังหวัด Wayamba ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา พร้อมด้วยภริยาและคณะผู้แทนฝ่ายสงฆ์และฆราวาสมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๘ – ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เพื่อมอบหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์จากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาแก่รัฐบาลไทยเพื่อเป็นการน้อมรำลึกและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตลอดจนถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสเริ่มรัชกาลปัจจุบัน และเพื่อความผาสุกและความมั่งคั่งของประเทศไทย 
 
ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาและการพัฒนาจังหวัด Wayamba มีกำหนดจะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยภายหลังการหารือข้อราชการ นายสุวพันธุ์ฯ จะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาและการพัฒนาจังหวัด Wayamba และคณะในโอกาสเยือนประเทศไทย และในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ นายสุวพันธุ์ฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาและการพัฒนาจังหวัด Wayamba จะร่วมเป็นประธานในพิธีปลูกหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์จากศรีลังกา ณ วัดวชิรธรรมาราม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีคณะสงฆ์ของทั้งสองประเทศร่วมเจริญพระพุทธมนต์พระปริตร
 
อนึ่ง หน่อพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธปุระของศรีลังกา ซึ่งเป็นต้นที่มีอายุยืนยาวที่สุดที่สืบสายพันธุ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่หนึ่งที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ขณะตรัสรู้ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดียโดยได้รับการอัญเชิญไปยังศรีลังกาในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๓ ทั้งนี้ การมอบหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ฯ จากรัฐบาลศรีลังกาดังกล่าว แสดงถึงเจตนารมณ์และมิตรไมตรีอันดีของศรีลังกาที่มีต่อประเทศไทย นอกจากนี้ การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาและการพัฒนาจังหวัด Wayamba ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการรักษาพลวัตความสัมพันธ์ในมิติศาสนาและวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสองฝ่ายให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น