นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือทวิภาคีกับนายสแต๊ฟ โบลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ ณ กรุงเฮก ระหว่างการเดินทางเยือนราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๖ – ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยการเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรอบทศวรรษ ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์นับเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยมายาวนานที่สุดเป็นระยะเวลา ๔๑๕ ปี
การพบหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของทั้งสองฝ่ายในการต่อยอดความสัมพันธ์บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน สองฝ่ายยินดีต่อการมีปฏิสัมพันธ์ระดับสูงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย – ยุโรป (Asia – Europe Meeting – ASEM) ครั้งที่ ๑๒ ณ กรุงบรัสเซลล์ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นพื้นฐานไปสู่การขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศ สองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกรอบการประชุม Political Consultation ไทย – เนเธอร์แลนด์ในระดับนโยบาย ตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง โดยเห็นว่าเป็นกลไกที่เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและทบทวนความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงมิติความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ อาทิ อาหารและการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ และโลจิสติกส์ รวมทั้งแสวงหาช่องทางใหม่ ๆ ในการขยายความร่วมมือไปยังสาขาอื่น ๆ ด้วย
ฝ่ายไทยเชิญชวนให้ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ขยายการค้าและการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสาขาที่เนเธอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญ อาทิ การพัฒนาโลจิสติกส์ โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการลงทุนที่มีศักยภาพในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC)
ในส่วนของประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ ฝ่ายไทยยินดีที่เนเธอร์แลนด์มีความสนใจในการขยายการมีปฏิสัมพันธ์ในยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy – ACMECS) และความร่วมมือไตรภาคี นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในหัวข้ออื่น ๆ อาทิ ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ความมั่นคง และสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ทั้งนี้ ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ยินดีต่อการประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทย และพัฒนาการที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน โดยฝ่ายไทยได้ขอบคุณเนเธอร์แลนด์ที่สนับสนุนพัฒนาการด้านดังกล่าวของไทย