สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง จัดงานเลี้ยงรับรองเนื่องใน วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๑

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง จัดงานเลี้ยงรับรองเนื่องใน วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๑

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ธ.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 461 view

          เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ นางสาวนิธิวดี มานิตกุล กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง เป็นประธานในงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ณ ห้อง Golden Ballroom โรงแรม Zhongwei Green Lake นครคุนหมิง โดยมีนายจาง โก๋หัว (H.E. Mr. Zhang Guohua) รองผู้ว่าการมณฑลยูนนาน เป็นแขกเกียรติยศฝ่ายจีน มีผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และสื่อต่างๆ ของมณฑลยูนนาน พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงาน ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานทีมประเทศไทย ณ นครคุนหมิง นักธุรกิจ ผู้ประกอบการไทย ชุมชนไทย และนักศึกษาไทยในยูนนานเข้าร่วมงานกว่า ๒๔๐ คน
           หลังจากถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์และพระฉายาลักษณ์แล้ว กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวเปิดงานโดยขอบคุณรองผู้ว่าการฯ และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในงานสำคัญของไทยทั้งสามวาระ และกล่าวว่า ไทยมีความภูมิใจในชาติ เอกราชและความเป็นไทย มาจากพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สถาบันพระมหากษัตริย์จึงมีความผูกพันกับประชาชน พร้อมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี พระราชทานโครงการตามแนวพระราชดำริ ๔,๐๐๐ โครงการ เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่ต่างๆ แม้ในถิ่นทุรกันดาร ทรงเปรียบเสมือน ‘พ่อ’ ที่เป็นแบบอย่างและพระราชทานหลักการดำรงชีวิตผ่านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเสด็จสววรคตเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ จึงเป็นวันมหาวิปโยคของปวงชนชาวไทย และแม้ว่าล่วงเลย ๒ ปี ประชาชนชาวไทยยังน้อมรำลึกถึงพระองค์และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้เสมอมา
           จากนั้น กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่ดำเนินมาครบ ๔๓ ปีในปีนี้ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีส่วนสำคัญในการสานสัมพันธไมตรี โดยได้ให้การต้อนรับผู้นำฝ่ายจีนเป็นพระราชอาคันตุกะเสมอมา และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เป็นผู้แทนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ       สยามมกุฎราชกุมาร ก็เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนหลายครั้งรวมถึงนครคุนหมิงด้วย และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือน ทุกมณฑลและมหานครในจีน โดยได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนทั้งมณฑลกุ้ยโจวและยูนนานในปีนี้
              กงสุลใหญ่ฯ ยังได้กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ต่องานศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะการแสดงโขน ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงทำนุบำรุง และน่ายินดีที่การแสดงโขนไทยได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ การแสดงในงานวันนี้ จึงถือเป็นงานแรกๆ ที่โขนไทยได้แสดงในต่างประเทศนับตั้งแต่โขนไทยได้รับการขึ้นทะเบียน ในตอนท้าย กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงทุกภาคส่วนของไทยในนครคุนหมิงที่ร่วมแรงร่วมใจจัดงาน และเชิญแขกเกียรติยศและผู้ร่วมงานดื่มถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และอวยพรแด่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติจีน
              ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว นอกจากการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนยกรบ ยังมีการแสดงกระบี่กระบอง โดยคณะนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ และ และมีการจัดซุ้มสาธิตการแกะสลัก ร้อยมาลัย พร้อมทั้งอาหารไทย เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยและของกิจการไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทีมประเทศไทย ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และร้านอาหารไทยในนครคุนหมิง ซึ่งได้รับความนิยมจากแขกที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก การจัดงานในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่รัฐบาลมณฑลยูนนานมอบหมายรองผู้ว่าการฯ มาเป็นแขกเกียรติยศเข้าร่วมงาน และเป็นครั้งแรกที่ทุกภาคส่วนคนไทยในนครคุนหมิงร่วมกันสนับสนุนการจัดงาน โดยเฉพาะการออกซุ้มอาหารไทย และเป็นครั้งแรกที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง นำ ‘โขน’ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงจากประเทศไทยมาแสดง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่โขนแสดงในต่างประเทศหลังจากยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เมื่อ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ