เมื่อวันที่ ๑๗ – ๒๐ กันยายน ๒๕๖๑ กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมสนธิสัญญาและกฏหมาย ได้จัดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และราษฎรในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเกี่ยวกับเขตแดนคงที่ หลักเขตแดน และหลักอ้างอิงเขตแดน บริเวณเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนส่วนราชการและราษฎรในพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านในอำเภอแม่สายและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมรวมประมาณ ๘๐ คน

           ในโอกาสนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับฟังการบรรยายโดยประธานคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนไทย – เมียนมา ในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก อาทิ นายวศิน ธีรเวชญาณ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ประธานคณะเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM) ภายใต้ JBC
(ฝ่ายไทย) นายเชิดชู รักตะบุตร อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ประธานคณะกรรมการร่วมไทย – เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก (JCR) (ฝ่ายไทย) นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิในการเดินเรือ การใช้น้ำอย่างเป็นธรรม การบำรุงรักษาและการอนุรักษ์ทางเดินปัจจุบันของน้ำในแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก (ฝ่ายไทย) รวมถึงการบรรยายจากผู้แทนกรมแผนที่ทหาร และผู้แทนกรมเอเชียตะวันออก โดยผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้บรรยายและผู้แทนจากส่วนราชการส่วนกลางตลอดการฝึกอบรมด้วย

           นอกจากนี้ ยังได้จัดให้ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมไปตรวจสภาพภูมิประเทศเขตแดนไทย – เมียนมา บริเวณแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ในอำเภอแม่สายและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเส้นเขตแดนในบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาการรุกล้ำเส้นเขตแดน โดยขอความร่วมมือให้ดูแลรักษาหลักเขตแดนและหลักอ้างอิงเขตแดนในบริเวณดังกล่าวด้วย

           อนึ่ง ไทยและเมียนมามีเขตแดนทางบกทั้งที่เป็นภูเขาและแม่น้ำยาวประมาณ ๒,๔๐๑ กิโลเมตร สำหรับแม่น้ำที่เป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมามีระยะทางรวมประมาณกว่า ๗๐๐ กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก จังหวัดเชียงราย แม่น้ำสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน แม่น้ำเมย จังหวัดตาก และแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ทั้งนี้ สำหรับแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก จังหวัดเชียงราย นั้น ไทยและเมียนมาได้จัดทำ ความตกลงร่วมกันเมื่อปี ๒๕๓๔ ซึ่งได้กำหนดให้เขตแดนในบริเวณดังกล่าวเป็นไปตามร่องน้ำลึกในวันที่สำรวจร่วมกันก่อนจัดทำความตกลง โดยได้กำหนดค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์ของเส้นเขตแดนในบริเวณดังกล่าวไว้แล้ว