พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 ก.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,313 view
          พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรองศาสตราจารย์ นราพร จันทร์โอชา ภริยา มีกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเดินทางด้วย
          การเยือนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับและสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างกันในระดับรัฐบาลให้มีความแน่นแฟ้น ยืนยันเจตจำนงของไทยที่จะดำเนินความร่วมมือที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของภูฏาน และส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในภาพรวมร่วมกัน
          นายกรัฐมนตรีได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ณ พระราชวังทาชิโช โดยสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏานจะทรงพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรี ภริยา และคณะผู้แทนไทยด้วย
          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับ ดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีภูฏานและภริยาจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ภริยา และคณะผู้แทนไทย ณ อาคารประชุมแห่งชาติ
          โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงทิมพู ประกอบพิธีจุดตะเกียงเนยตามธรรมเนียมพื้นเมือง ณ เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน (National Memorial Chorten) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ ๓ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมทั้งเยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่น หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product: OGOP) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือที่สำคัญระหว่างไทยกับภูฏาน ตลอดจนพบปะกับอาสาสมัครไทยจำนวน ๖ คน ภายใต้โครงการเพื่อนไทย (Friends from Thailand) 
          การเยือนภูฏานของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเป็นมิตร ระหว่างไทยและภูฏาน และยังมีส่วนช่วยผลักดันการกระชับสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพ และความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายสาขาระหว่างประเทศและประชาชนของทั้งสองฝ่ายด้วย