คำกล่าวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างการแถลงข่าวร่วมในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของอูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๑

คำกล่าวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างการแถลงข่าวร่วมในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของอูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๑

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 มิ.ย. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 2,729 view

 คำกล่าวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
การแถลงข่าวร่วมในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของอูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ระหว่างวันที่ ๑๔  - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๑

ฯพณฯ อูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
คณะผู้แทนแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน

                    ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ฯพณฯ อูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและ ดอ โช โช ภริยา พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูงของเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ACMECS ครั้งที่ ๘ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ด้วย

                    ปีนี้ เป็นปีที่เมียนมากับไทยฉลองครบรอบ ๗๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ดังนั้น การเยือนไทยของท่านประธานาธิบดีในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการในกรอบทวิภาคีเป็นประเทศแรกหลังจากที่ท่านดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงมีความหมายเป็นพิเศษและเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ

                    เมื่อสักครู่นี้ ผมและท่านประธานาธิบดีได้หารือข้อราชการกันอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ หลายประเด็น ได้แก่

                     ๑.       การพัฒนาตามแนวชายแดนและความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ไทยและเมียนมาเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด มีผลประโยชน์เชื่อมโยงกันทุกด้าน ดังนั้น เราจึงเห็นพ้องที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาตินี้ให้ใกล้ชิดในทุกมิติ  หัวใจสำคัญของความร่วมมือไทยและเมียนมาคือ การพัฒนาตามแนวชายแดนและความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่ประชาชนและความเจริญตามแนวชายแดนของสองประเทศอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม

                          ไทยจึงพร้อมให้ความร่วมมือกับเมียนมาในการพัฒนาพื้นที่และชุมชนตามแนวชายแดน  บนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยจะหารือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้โครงการการพัฒนาตอบสนองต่อความต้องการและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

                          ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อนั้น ผมเสนอให้สานต่อและใช้ประโยชน์จาก แผนยุทธศาสตร์ ACMECS ซึ่งเป็นแผนแม่บทของประเทศสมาชิก ACMECS ทุกประเทศ โดยในส่วนเส้นทางเชื่อมต่อไทยกับเมียนมานั้น ผมเห็นว่า ทั้งสองประเทศต้องเร่งรัดการพัฒนาอย่างครบวงจรในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East – West Economic Corridor - EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจใต้ (Southern Economic Corridor) หากพัฒนาทั้งสองเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจนี้ได้สำเร็จ ก็จะก่อให้เกิดการเชื่อมต่อของห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์

                          ท่านประธานาธิบดีและผมยังเห็นพ้องว่าเส้นเขตแดนควรเป็นเส้นเขตแดนแห่งความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างของประชาชนทั้งสองประเทศ และขอให้หน่วยงานทั้งสองประเทศหารือเพื่อแสวงหาทางออกที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน

                     ๒.   ความร่วมมือส่งเสริมการค้าและการลงทุน ผมได้ให้คำมั่นกับท่านประธานาธิบดีว่าจะส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปทำธุรกิจในเมียนมาอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม

โดยที่ท่านประธานาธิบดีก็พร้อมที่จะดูแลนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาให้ได้รับความสะดวกด้วยเช่นกัน

                     ๓.   โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งเป็นโครงการที่จะสร้างความเชื่อมโยง

ระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิกนั้น ผมและท่านประธานาธิบดีเห็นพ้องให้หน่วยงานทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของเมียนมา ไทย และภูมิภาค

                    ๔.   การคุ้มครองแรงงานเมียนมาในประเทศไทย ผมย้ำความสำคัญของแรงงานเมียนมา

ที่เป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และไทยจะให้การคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาตามกฎหมายไทยต่อไปและเราเห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้แรงงานเมียนมาเข้ามาทำงานในไทยผ่านความตกลงว่าด้วยการจ้างงานในกรอบรัฐต่อรัฐอย่างจริงจังด้วย

                          ผมได้ขอบคุณทางการเมียนมาที่ร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดจนกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานเมียนมาใกล้แล้วเสร็จและเป็นไปตามกำหนด  ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันอันเกิดจากความมุ่งมั่นและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

                    ๕.   สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ผมได้ให้กำลังใจและสนับสนุนความพยายามของเมียนมา

ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมียนมาได้เปิดรับความร่วมมือจากสหประชาชาติมากขึ้นและจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในรัฐยะไข่ด้วย

                          นอกจากนี้ ผมได้ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะเข้าไปดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ ในรัฐยะไข่ เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่ดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน

                    ๖.   การส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับเมียนมา ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับมาตุภูมิ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการมาแล้ว ๒ ครั้ง ส่งกลับได้ รวม ๑๖๔ คน และจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การส่งกลับกลุ่มต่อ ๆ ไป มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความปลอดภัย ความสมัครใจและมีศักดิ์ศรี    

                    ๗.   ประเด็นด้านพหุภาคี ท่านประธานาธิบดีพร้อมจะสนับสนุนร่างแผนแม่บท ACMECS และปฏิญญากรุงเทพฯ ที่จะรับรองในการประชุม ACMECS ในวันที่ ๑๖ มิ.ย. นี้ ซึ่งเป็นรากฐานความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อของอนุภูมิภาคในอนาคต รวมทั้งยังแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนไทยเมื่อดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๙) โดยเฉพาะการผลักดันประเด็นเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน การส่งเสริมความเชื่อมโยง และการพัฒนาไปสู่ยุค ๔.๐ อีกด้วย      

                    สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ ฯพณฯ อู วิน มิ้น ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอีกครั้ง สำหรับความปรารถนาดีและความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมมือกันผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ และความผาสุกของประชาชนชาวไทยและเมียนมาอย่างแท้จริง

                    ขอบคุณครับ

 

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ