นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีตรวจราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและปัญหาแรงงานในภาคประมง

นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีตรวจราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและปัญหาแรงงานในภาคประมง

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 มี.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 1,268 view
          เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและปัญหาแรงงานในภาคประมง ในระหว่างเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๑ ณ จังหวัดเพชรบุรี
          นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการตรวจราชการว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคประมงไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของชาวประมงและนำรายได้เข้าประเทศไทยมากกว่า ๒ แสนล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องจัดระเบียบการประมงของไทย ทั้งในด้านกองเรือ แรงงานในภาคประมง และความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล และเพื่อไม่ให้กระทบการส่งออกของไทยในต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนน้อยที่สุด  
          ในด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการเร่งดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ทันภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ และขอให้ดูแลแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้นำเทคโนโลยีการสแกนม่านตาเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์มาใช้ในการตรวจสอบและคุ้มครองแรงงานต่างด้าวด้วย ทั้งนี้ ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดรัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชนและภาคประชาสังคม  โดยไทยมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำในด้านการประมงและแรงงานในภาคประมงตามมาตรฐานสากลในภูมิภาคอาเซียน และไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการดำเนินธุรกิจในทุกสาขา รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนด้วย
ในการตรวจราชการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เดินทางไปเยี่ยมชมมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน ซึ่งให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในภาคประมง และได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าว ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับภาครัฐ พร้อมทั้งได้เยี่ยมชมบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหารทะเลแปรรูปส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้เน้นการดำเนินนโยบายแรงงานปลอดภัยและการปฏิบัติต่อแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม รวมทั้งการพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อให้ทราบถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล
          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เดินทางไปพบปะเจ้าหน้าผู้ปฏิบัติงาน ชาวประมง และแรงงานประมงทั้งไทยและต่างด้าวที่องค์การสะพานปลาสมุทรสาคร โดยได้ซักถามสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของแรงงาน รับฟังปัญหาและความเดือนร้อนของชาวประมง ตลอดจนและได้รับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้แก่ การบันทึกข้อมูลของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (PIPO) ศูนย์ติดตามและควบคุมเรือประมง (FMC) และระบบรับรองการจับสัตว์น้ำ รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลแรงงานด้วยการสแกนม่านตาและการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวของศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จด้วย