ไทยเตรียมการประกาศนโยบายประเทศไทยปลอดจากสัตว์น้ำและสินค้าประมง IUU

ไทยเตรียมการประกาศนโยบายประเทศไทยปลอดจากสัตว์น้ำและสินค้าประมง IUU

วันที่นำเข้าข้อมูล 22 ก.พ. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 2,911 view

ประเทศไทยได้ประกาศให้การป้องกัน ยับยั้งและขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เป็นวาระแห่งชาติ และได้ดำเนินการปฏิรูปการประมงของไทยในภาพรวมทั้งระบบมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความมุ่งหมายที่พัฒนาการประมงของไทยให้ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ

เพื่อแสดงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้การประมงทั้งระบบของไทยมีมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับในหมู่ประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยจึงได้เตรียมที่จะประกาศนโยบายประเทศไทยปลอดจากสัตว์น้ำและสินค้าประมงผิดกฎหมาย (IUU-free Thailand)  ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 เห็นชอบที่จะเสนอให้รัฐบาลไทยประกาศนโยบายดังกล่าวแล้ว โดยยังต้องรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

สำหรับการก้าวเข้าสู่การเป็น IUU-free Thailand นั้น ไทยได้อาศัยพื้นฐานจากการปฏิรูปการประมงตลอดช่วงเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาในทุกด้าน ทั้งในด้านการออกกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ด้านการบริหารจัดการประมงซึ่งมีการจำกัดจำนวนใบอนุญาตทำการประมงให้สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล การจัดระเบียบกองเรือเพื่อให้สามารถควบคุมเรือประมงได้ทุกขนาดและทุกประเภท การติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวัง โดยการควบคุมการเข้า-ออกท่าของเรือประมง การติดตั้งระบบและอุปกรณ์ติดตามเรือ และการตรวจเรือประมงในทะเล รวมถึงการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับทั้งสัตว์น้ำจากเรือไทยและสัตว์น้ำนำเข้าโดยเรือต่างชาติ

ทั้งนี้ เพื่อให้การเป็น IUU-free Thailand เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ไทยยังต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบใบรับรองการจับสัตว์น้ำของไทยให้ได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งไทยจะร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการพัฒนาระบบดังกล่าว รวมถึงการร่วมมือกับรัฐเจ้าของธงในการตรวจสอบแหล่งที่มาของสัตว์น้ำนำเข้าว่าไม่ได้มาจากกระบวนการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งไทยอยู่ในระหว่างการหารือกับหลายประเทศ และแรงงานบนเรือประมงจะต้องเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามหลักสากลด้วย

การเตรียมความพร้อมของไทยในการประกาศนโยบาย IUU-free Thailand เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับภาคการประมงของไทยต่อไปในระยะยาว และเป็นแรงผลักดันให้การปฏิรูปภาคประมงของไทยต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งเท่านั้น