การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers’ Retreat) ระหว่างวันที่ ๕ – ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ที่สิงคโปร์

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers’ Retreat) ระหว่างวันที่ ๕ – ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ที่สิงคโปร์

วันที่นำเข้าข้อมูล 2 ก.พ. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 1,769 view
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๕ – ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ที่สิงคโปร์ โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งแรกที่จัดขึ้นโดยสิงคโปร์ในฐานะประธานอาเซียนประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งสิงคโปร์ได้กำหนดหัวข้อหลัก (theme) ของการเป็นประธานคือ “การเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนโดยมีนวัตกรรมนำ” ซึ่งขณะนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำเอกสารสำคัญ ๒ ฉบับ ได้แก่ วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนโดยมีนวัตกรรมนำ (ASEAN Leaders’ Vision for a Resilient and Innovative ASEAN) และแนวคิดในการจัดทำเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (Concept Note on the ASEAN Smart Cities Network – ASCN) เพื่อเสนอให้ผู้นำอาเซียนให้การรับรองในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๒ ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ 
 
  นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะใช้โอกาสนี้ติดตามการปฏิบัติตามผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ ที่กรุงมะนิลา เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ รวมทั้งหารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาคมอาเซียน การรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ในสถาปัตยกรรมภูมิภาค ทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาค ตลอดจนพัฒนาการในภูมิภาคและระหว่างประเทศ 
 
สำหรับฝ่ายไทย จะใช้โอกาสนี้แจ้งพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีในเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน และการเชื่อมโยงระหว่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ค.ศ. ๒๐๓๐ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการบริหารจัดการชายแดน ครั้งที่ ๔ ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่กรุงเทพฯ ซึ่งไทยจะเชิญผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม และขอรับการสนับสนุนเรื่องการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงอายุอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรมในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อปูทางไปสู่การเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี ๒๕๖๒ ต่อไป