เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ไปทอดถวาย ณ วัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร (วัดธรรมราชิกา) กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ โดยบุคคลสำคัญฝ่ายบังกลาเทศที่เข้าร่วมพิธีฯ ได้แก่ นาย Asaduzzaman Noor รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นาย Pranab Kumar Baruya เลขาธิการ Bangladesh Bouddha Kristi Prachar Sangha สำหรับฝ่ายไทย นางสาวพรรณพิมล สุวรรณพงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา นางลินนา ตังธสิริ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา ตลอดจนภาคเอกชนและชุมชนไทยและชาวบังกลาเทศกว่า ๓๐๐ คน ได้เข้าร่วมพิธีฯ ในครั้งนี้
กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายที่บังกลาเทศก่อนหน้านี้ ๒ ครั้งครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ วัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหารก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในบังกลาเทศและมีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบังกลาเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนวัดแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ และปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามลำดับ นอกจากนี้ วัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหารยังเป็นที่ตั้งของสถาบันทางสังคมและการศึกษา ได้แก่ โรงเรียน สถานพยาบาล และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนกว่า ๓๕๐ คน
ผู้เข้าร่วมพิธีฯ ทั้งชาวไทยและชาวบังกลาเทศต่างแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาที่ไม่จำกัดแต่เพียงในประเทศไทย แต่ยังเผื่อแผ่มายังบังกลาเทศ และเป็นรากฐานในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ พิธีฯ ยังเป็นโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้บำเพ็ญสาธารณกุศลอันยิ่งใหญ่และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ทั้งนี้ สามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงพระอารามจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เงินโดยเสด็จพระราชกุศลของกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและชาวบังกลาเทศ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๕๙๑,๘๑๕.- บาท อีกทั้ง มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคข้าวสารจำนวน ๔๔ กระสอบ และรองเท้า ๓๘๔ คู่ เพื่อวัดใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ด้วย