กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัดสัมมนาเรื่อง Globalisation: Implications for the Asia – Pacific Region in the 21^st Century และการหารือระดมสมองเพื่อจัดทำท่าทีไทยในประเด็นวิสัยทัศน์เอเปค หลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ณ ศูนย์ประชุม C-ASEAN กรุงเทพฯ

งานสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) เผยแพร่ประโยชน์ของระบอบการค้าเสรีและโลกาภิวัตน์ ส่งเสริมระบอบการค้าพหุภาคีเพื่อรับมือกับกระแสการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการดำเนินนโยบายเพื่อกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ (๒) หารือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายและท่าทีไทยในประเด็นวิสัยทัศน์เอเปค หลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๖๓) และเป็นการเตรียมการสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทย ในปี ค.ศ. ๒๐๒๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕) โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่าง ๆ และสำนักเลขาธิการเอเปค (APEC Secretariat) อาทิ Dr. Alan Bollard ผู้อำนวยการบริหารสำนักเลขาธิการเอเปค ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธาน Thai National Committee for Pacific Economic Cooperation (TNCPEC) รวมถึงผู้แทนจากเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค ได้แก่ ชิลี เกาหลีใต้ และเวียดนามในฐานะเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปคปี ๒๕๖๐ มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์

นอกจากนี้ ในงานสัมมนาดังกล่าวจะมีการจัด Working Lunch ภายใต้หัวข้อ “Green, Sustainable and Innovative – The Keys to Future Business Success” โดยผู้บริหารจากเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (CPF) จะให้เกียรติมาบรรยายเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของบริษัทในการมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และการใช้นวัตกรรมช่วยเสริมสร้างมูลค่าและคุณค่าทั้งต่อธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงบทบาทในการมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงทางอาหารท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของ CPF สอดคล้องและสนับสนุนบทบาทนำของไทยในการจัดทำ APEC Strategy for Green, Sustainable and Innovative MSMEs ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้าน SME ในปี ๒๕๖๐

อนึ่ง ไทยจะรายงานผลลัพธ์ของงานสัมมนาฯ และการระดมสมองฯ ต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค  ครั้งที่ ๓ ประจำปี ๒๕๖๐ ซึ่งจะจัดขึ้นที่นครโฮจิมินห์ เวียดนาม ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ และจะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปต่อยอดเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ท่าทีของไทยในประเด็นวิสัยทัศน์เอเปคหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ต่อไป